บทความทั้งหมด

Colder Solution อยากชวนทุกท่านมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและตั้งคำถามในคอมเมนต์ด้านล่าง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและตรงประเด็นมากที่สุด โดยเราได้ไกด์คำถาม จากประสบการณ์และลูกค้าของเรามาให้บางส่วน

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจแต่ละแนวทางอย่างละเอียด พร้อมกรณีศึกษาจริง และเตรียมพร้อมสำหรับยุคใหม่ของสารทำความเย็น

“Net Zero” คำนี้เราได้ยินกันมากี่ปีแล้ว ? หลายคนอาจมองว่าเป็นเป้าหมายของอนาคตอันไกล แต่ในความเป็นจริง มันคือ ภารกิจของปัจจุบัน ที่หลายประเทศกำลังเร่งเดินหน้า และปรับตัวให้ทันกับกฎระเบียบโลกที่เข้มงวดขึ้น

เราทั้งหมดอยู่ในยุคที่อุตสาหกรรมทำความเย็นต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมและกฎหมายอย่างเลี่ยงไม่ได้ การเตรียมพร้อมและปรับตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในการเปลี่ยนผ่านไปสู่สารทำความเย็นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ก่อนหน้านี้ รถยนต์ส่วนใหญ่ใช้สารทำความเย็น R-134a ซึ่งมีค่าศักยภาพในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อน หรือ GWP สูงถึง 1,430

ปัจจุบันในปี 2025 เราปรับการนำเข้าสาร HCFC เป็น 67% จาก baseline และจะงดนำเข้าแบบ 100% ในอีก 5 ปีข้างหน้าหรือปี 2030 (ซึ่งสามารถมีการอนุญาตให้ใช้ซ่อมบำรุงเพียง 2.5% จนถึงปี 2040)

การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็น การเผาไหม้เชื้อเพลิง การขนส่ง โรงงานอุตสาหกรรม นอกจากจะทำให้เกิดภาวะโลกร้อนแล้วยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของ PM 2.5

มาตรฐาน AHRI700 ถือกำเนิดจากความต้องการที่จะกำหนด มาตรฐานค่าความบริสุทธิ์ สำหรับสารทำความเย็นในอุตสาหกรรม HVAC&R

การคำนวณปริมาณน้ำยาแอร์ หรือสารทำความเย็น (Refrigerant) ให้เหมาะสม ถือเป็นกระบวนการสำคัญในการออกแบบ ติดตั้ง และบำรุงรักษาระบบทำความเย็น ไม่ว่าจะเป็น ระบบปรับอากาศ หรือระบบทำความเย็นในอุตสาหกรรม ไม่ว่าอุตสาหกรรม

การใช้สารทำความเย็นที่มี GWP สูง ที่มีก๊าซเรือนกระจกฟลูออรีน (F-gases) นั้นสามารถกักเก็บความร้อนได้มากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์หลายพันเท่า

สำหรับในอนาคต ปี 2025 ถือเป็นปีที่เป็นหมุดหมายสำคัญของอุตสาหกรรม HVAC ด้านสารทำความเย็นตามข้อตกลง Kigali Amendment ของพิธีสารมอนทรีออล

Heat Pump (ฮีทปั๊ม) หรือปั๊มความร้อนถือเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ส่งผลกระทบน้อยที่สุด สำหรับการลดคาร์บอนทั้งในการทำความร้อนและความเย็น ประหยัดพลังงานมากกว่าการใช้ก๊าซธรรมชาติหลายเท่า

การ Retrofit ระบบน้ำยาแอร์ คือการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงระบบสารทำความเย็น (Refrigerant) ที่ใช้ในเครื่องปรับอากาศหรือระบบทำความเย็น มาใช้สารทำความเย็นรุ่นใหม่ ที่มีค่า GWP ต่ำกว่า

สารทำความเย็น หรือ น้ำยาแอร์ เป็นตัวกลางสำคัญในการสร้างความเย็นของระบบทำความเย็น และ ปรับอากาศ โดยปกติแล้วสารทำความเย็นจะไหลเวียนอยู่ในระบบปิด

การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas Emissions) หมายถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHGs) เข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก ก๊าซเหล่านี้มีความสามารถในการดักจับความร้อนและส่งผลให้เกิดภาวะเรือนกระจก

เมื่อต้นปีที่ผ่านมาสารทำความเย็น HFC ประกาศลดการผลิตลงให้ต่ำกว่า 40% ในช่วง 2024 ซึ่งนั่นหมายความว่า สารทำความเย็นที่เราใช้กันอยู่อย่างแพร่หลาย อย่าง R-410A นั้นจะได้รับผลกระทบไปด้วย

สภาวะโลกร้อนที่ทำให้อุณหภูมิบนผิวโลกสูงขึ้น 1.2-1.4 องศาก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยเฉพาะบรรยากาศระดับสูงจากผิวโลกขึ้นไป 20 กิโลเมตร อุณหภูมิบรรยากาศยิ่งร้อนมากขึ้น ทำให้ลมกรด (Jet Stream) ที่มีความเร็วสูงถึง 200-400 กม./ชม. มีความเร็วลดลง

วัตถุประสงค์หลักของการใช้ ระบบปรับอากาศและระบบทำความเย็นคือ "การลดอุณหภูมิของพื้นที่ลง" เมื่อเปรียบเทียบกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ แต่ก็มีความแตกต่างในบางรายละเอียด อย่างเช่น วัตถุประสงค์ อุณหภูมิ ไปจนถึงสารทำความเย็น

R-448A เป็นสารทำความเย็นซึ่งจัดอยู่ในหมวดหมู่ของ HFO Blends คือส่วนผสมซีโอโทรปิกที่ประกอบด้วย HFO 2 ตัว (R1234ze 7% และ R1234yf 20%) และสารทำความเย็น HFC 3 ตัว (R134A 21%, R125 26% และ R32 26%)

เอลนีโญ่/ลานีญ่าเกิดขึ้นทุกๆ 2-7 ปีโดยเฉลี่ย แบบไม่มีตารางกำหนดตายตัว และจะกินระยะเวลาประมาณ 9-12 เดือน เมื่อปี 2023 เกิดสภาวะเอลนีโญตั้งแต่ตอนกลางปีและกำลังจะสิ้นสุดลงในปี 2024 นี้

จากเหตุการณ์ “ก๊าซแอมโมเนียรั่วไหล” ในพื้นที่ใกล้โรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่เกิดขึ้นมาอีกครั้งในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานสาธารณสุข ได้ออกประกาศเตือนภัย แก่ประชาชนที่อยู่รอบข้าง

การ "ตรวจสอบระดับสารทำความเย็น" เป็นหนึ่งในขั้นตอนการบำรุงรักษาระบบปรับอากาศและทำความเย็น ที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะช่วงที่ระบบทำงานหนักอย่างช่วงฤดูร้อน ที่มีความต้องการทำความเย็นที่เพิ่มขึ้นมากเป็นพิเศษ

การที่เราไม่อยู่บ้านหลายวัน การเตรียมความพร้อมของเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องเปิดไว้ตลอดอย่าง ตู้เย็น เพื่อให้อาหารคงความสดใหม่ ประสิทธิภาพในการทำงาน

การเก็บถังสารทำความเย็นอย่างปลอดภัย ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากแสงแดด และอากาศร้อน สามารถสร้างความเสียหายให้กับสารทำความเย็นที่จัดเก็บไว้ได้ ซึ่งหมายถึงอาจจะสร้างความเสียหายต่อระบบทำความเย็น ธุรกิจ และบุคลากรอีกด้วย

สำหรับระบบปรับอากาศนั้น หน้าร้อนยังมาพร้อมกับปัญหาที่น่ารำคาญใจ และใกล้ตัวอย่างเรื่อง น้ำแอร์หยด

สารทำความเย็นทำหน้าที่ไหลเวียนในระบบปิด เพื่อสร้างความเย็นให้กับตู้เย็น ส่งผลต่อความสด และคุณภาพของอาหาร ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ต้องการยืดอายุการเก็บรักษา

ตรวจสอบการอ่านค่าความดันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ระบบกำลังทำงาน ให้ตรวจสอบเกจวัดแรงดันเป็นระยะๆ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบทำงานภายในช่วงแรงดันที่ต้องการ หากสารทำความเย็นมีแรงดันต่ำกว่าเกณฑ์ ควรชาร์จสารทำความเย็นเพิ่มเติมให้เพียงพอต่อความต้องการของระบบ แต่ถ้าหากสารทำความเย็นมีแรงดันสูง ควรระบายสารทำความเย็น (Drain) ออกจากระบบ

สารหลักของถังสารทำความเย็นคือสารทำความเย็น ที่เป็นส่วนประกอบของเคมีพื้นฐาน ซึ่งจะถูกเก็บไว้ในรูปของเหลวหรือก๊าซภายใต้ความดัน สารทำความเย็นเป็นสารประกอบทางเคมีที่ต้องผ่านการเปลี่ยนเฟส

นวัตกรรม Inverter นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ใช้งานที่ต้องการประหยัดพลังงาน ด้วยจุดเด่นประหยัดไฟ ให้ความเย็นได้สม่ำเสมอ และต่อเนื่อง พร้อมด้วยการทำงานของเครื่องปรับอากาศที่เงียบสนิท

สารทำความเย็นที่มีความบริสุทธิ์สูงจะช่วยให้อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว มีความสามารถในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากมีสิ่งเจือปนหรือการปนเปื้อน (Volatile Impurities) ส่งผลให้เกิดปัญหามากมาย

ก่อนที่จะเลือกหรือเปรียบเทียบสารทำความเย็น ควรพิจารณาระบบทำความเย็นประกอบการตัดสินใจในการเปลี่ยนสารทำความเย็นทดแทนด้วย โดยการเปลี่ยนสารทำความเย็นสามารถทำได้ 3 วิธี

น้ำยาแอร์ หรือ สารทำความเย็น เป็นสารเคมีที่ใช้หมุนเวียนเพื่อสร้างความเย็น ในวงจรระบบปรับอากาศ และ ระบบทำความเย็น การเลือกน้ำยาแอร์ที่เหมาะสมในปัจจุบันมีปัจจัย

อุณหภูมิโลกสูงขึ้นประมาณ 1.4 องศาเซลเซียสเหนือยุคก่อนอุตสาหกรรม "จุดที่ไม่อาจหวนกลับ" หรือ Point of return ในบริบทของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

"กรด" ที่อยู่ในระบบทำความเย็น ทำให้เกิดปัญหาการกัดกร่อนและความเสียหายต่อส่วนประกอบของระบบ ประสิทธิภาพในระบบทำความเย็นลดลง จนถึงขั้นระบบทำความเย็นหยุดทำงาน

สารทำความเย็นไฮโดรฟลูออโรโอเลฟิน (HFO) จึงกลายเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงเรื่องความแตกต่างระหว่างสารทำความเย็น HFO และ HFC และข้อดีของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้กันค่ะ

การทยอยลดปริมาณการผลิต และการใช้สารทำความเย็นประเภท HFC จึงถือเป็นอีกหนึ่งโจทย์ที่ท้าทายสำหรับผู้ประกอบการที่ใช้สารทำความเย็นในอุตสาหกรรม ที่ต้องเริ่ม "เปลี่ยน"

แผน HFC phasedown หรือ ลดใช้สารทำความเย็น HFCs ของสหรัฐอเมิรกา เริ่มต้นในปี 2022 โดยเริ่มจากการลดการผลิต สารทำความเย็นประเภท HFC ลง 10% ในขณะที่ปี 2024 จะมีการลดลงเพิ่มเติม 30%

เตรียมพร้อมสำหรับยุคใหม่ของสารทำความเย็น วันนี้เราจะมา Update Trend สารทำความเย็นในระบบ HVAC เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ปี 2024 และอนาคตกันค่ะ

สารทำความเย็น (Refrigerant) ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการทำความเย็น และเปลี่ยนสถานะ ด้วยการใช้ความร้อนแฝงเข้ามาช่วยผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบทำความเย็น โดยผ่านการควบคุม และการจ่ายผ่านหน้าที่ของอุปกรณ์ต่อไปนี้ค่ะ

น้ำยาแอร์ ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญ ที่ช่วยสร้างความเย็นที่เหมาะสมกับระบบทำความเย็นทุกประเภท ไม่ว่าความต้องการการทำความเย็น หรือ ใช้สารทำความเย็นประเภทใด จำเป็นต้องมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบการทำความเย็น อุณหภูมิ รวมถึงต้นทุน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากปัญหาอื่นๆ ของผู้ใช้รถยนต์ ปัญหา "แอร์รถยนต์" ไม่เย็น ยังคงเป็นปัญหาอันดับต้นๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์เก่า หรือ รถยนต์ใหม่ ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน หรือแก้ไขอย่างผิดวิธี อาจส่งผลให้อายุการใช้งานรถยนต์ของคุณสั้นลงกว่าปกติอีกด้วย

ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ประเทศไทยต้องพบกับปรากฎการณ์ฝุ่นปกคลุมอย่างหนาแน่น โดยเฉพาะในช่วงปลายปี หรือฤดูหนาว หรือที่เรารู้จักฝุ่นที่ปกคลุมหนาแน่นนั้นในชื่อ PM2.5 (Particulate matter with diameter of less than 2.5 micron)

อะไหล่คอมเพรสเซอร์ หรือ อะไหล่คอมแอร์ คือ ส่วนประกอบหลากหลายชิ้นที่มีความสำคัญ และการทำงานต่างกันออกไป หากมีบางชิ้นส่วนที่เสียหายส่งผลต่อการทำงานของคอมเพรสเซอร์ จะต้องทำการเปลี่ยนอะไหล่ ที่เป็นส่วนประกอบทดแทนชิ้นเดิมที่มีความเสียหาย เพื่อการใช้งานที่ปกติ และประสิทธิภาพดังเดิม

สารทำความเย็น ถูกเลือกจากคุณสมบัติพิเศษบางอย่าง เช่น อุณหภูมิวิกฤติสูงและความดันวิกฤติต่ำ ระบบทำความเย็น ความต้องการของอุณหภูมิที่เลือกใช้ และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น

ช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา R404A ตัวแทนของน้ำยาแอร์ R-22 และ R-502 ที่เป็นสารทำความเย็นที่เป็นประสิทธิภาพการทำความเย็นสูง จึงถูกนำมาใช้งานในระบบทำความเย็นทั้งเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ตู้แช่ ห้องเย็น ระบบขนส่งความเย็น ฯลฯ

Colder Solution ขอมาแนะนำวิธีง่ายๆ ในการใช้งานเครื่องปรับอากาศในฤดูหนาว ให้อุณหภูมิเหมาะสม และยังช่วยประหยัดไฟ ด้วยวิธีง่าย ๆ 4 วิธีนี้ค่ะ

เทคโนโลยี CCUS ประกอบด้วยการทำงาน 3 ขั้นตอน 1. การดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture) โดยดักจับได้โดยตรงจากอากาศ หรือ จากก๊าซหลังกระบวนการเผาไหม้ ส่วนใหญ่มักติดตั้ง "การดักจับ" ไว้บริเวณที่มีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณมาก หรือดักจับจากชั้นบรรยากาศโดยตรงด้วยกระบวนการทางเคมี

การล้างระบบเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องทำความเย็น ถือเป็นการบำรุงรักษาในเชิงป้องกัน เพื่อช่วยให้อุปกรณ์ในระบบสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม ยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ และประหยัดพลังงานอีกด้วย

การจัดเก็บสารทำความเย็นอย่างปลอดภัยและถูกต้อง ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัย และการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าเรากำลังใช้สารทำความเย็นประเภทใดก็ตาม

สารทำความเย็น หรือน้ำยาแอร์ ที่ใช้ในระบบปรับอากาศ และระบบทำความเย็น มักถูกระบุประเภทของน้ำยาด้วยรหัสสีบนภาชนะบรรจุ

Preventive Maintenance (PM) คือ การบำรุงรักษา ดูแลสภาพเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ภายในโรงงานอุตสาหกรรม ระบบปรับอากาศ และทำความเย็น โดยเป็นการบำรุงรักษาตามแผน ทั้งด้านของการตรวจสอบ ทำความสะอาด ซ่อมแซม หรือเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ต่างๆ ตามเวลาที่กำหนดไว้

เมื่อมีอุปกรณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ในวงจรสารทำความเย็นทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพต่างๆ การใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น อุปกรณ์ในระบบทำงานหนักที่อาจส่งผลเสียในระยะยาว ไปจนถึงความปลอดภัย และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ปริมาณการใช้สารทำความเย็นในระบบทำความเย็นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ รวมถึงประเภทของระบบ ขนาด ประสิทธิภาพ รูปแบบการใช้งาน การบำรุงรักษา และปัจจัยความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น

ในระบบปรับอากาศรถยนต์ โดยส่วนใหญ่จะมีป้ายสติกเกอร์แปะที่บริเวณใต้ฝากระโปรงรถ โดยระบุรายละเอียดอย่าง ประเภทสารทำความเย็น ปริมาณน้ำยาแอร์รถยนต์ รวมถึงประเภทน้ำมันหล่อลื่นคอมเพรสเซอร์ เป็นต้น

สารทำความเย็นเป็นองค์ประกอบที่สำคัญต่อประสิทธิภาพการใช้งานในระบบทำความเย็น และระบบปรับอากาศ พัฒนาการของสารทำความเย็นในแต่ละยุค ถูกวิจัย วิเคราะห์ผ่านหลายขั้นตอนเพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ ในแต่ละยุคสมัย

สำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม สารทำความเย็นก็ได้ถูกนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ รวมถึงกระบวนการทำความเย็นและการปรับสภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของกระบวนการแปรรูปก๊าซธรรมชาติและการผลิตปิโตรเคมี

น้ำมันคอมเพรสเซอร์ น้ำมันหล่อลื่น หรือน้ำมันคอมแอร์ ที่ใช้ทั้งในงานระบบปรับอากาศ และระบบทำความเย็น จะทำหน้าที่หล่อลื่น ชิ้นส่วนในคอมเพรสเซอร์ และยังช่วยเพิ่มกำลังอัด ระบายความร้อน และยังช่วยปกป้องส่วนประกอบของคอมเพรสเซอร์อีกด้วย ทำให้น้ำมันหล่อลื่นมีความสำคัญในระบบทำความเย็นอย่างมาก

หน้าที่หลักของน้ำมันคอมเพรสเซอร์ 1. หล่อลื่นส่วนประกอบทางกลทั้งหมดของคอมเพรสเซอร์ เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพ 2. หล่อเย็นและขจัดความร้อนที่เกิดขึ้นภายในขณะระบบทำงาน ที่ส่งผลต่อการทำงานและอายุการใช้งานของระบบ

ห้องเย็นจะทำงานที่ระดับอุณหภูมิที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับข้อกำหนด และความต้องการเฉพาะของผลิตภัณฑ์ที่จัดเก็บ โดยใช้สารทำความเย็นต่างกันดังนี้

การตรวจสอบถังดับเพลิง คือการตรวจสอบสภาพ รวมถึงการบำรุงรักษาและทดสอบถังดับเพลิง โดยเจ้าหน้าผู้ดูแลด้านความปลอดภัยของแต่ละองค์กรดำเนินการตรวจสอบเครื่องดับเพลิงรายเดือน

สารทำความเย็นทางเลือกอย่าง HFOs ที่มีค่า GWP ต่ำกว่า เรามักเห็นว่าได้รับการจัดอันดับเป็น 'Class A2' หรือ 'Class A2L' ซึ่งมีความสามารถในการติดไฟได้เล็กน้อย หรือมีระดับการติดไฟต่ำกว่า

ปัญหาสารทำความเย็นอาจเกิดขึ้นในระบบทำความเย็น และปรับอากาศได้จากหลายสาเหตุ ปัญหาเกี่ยวกับสารทำความเย็นทั่วไป ได้แก่

HCFC เป็นสารทำความเย็นชนิดหนึ่งที่เคยใช้กันทั่วไปในระบบปรับอากาศและระบบทำความเย็น ประกอบด้วยอะตอมของไฮโดรเจน คลอรีน ฟลูออรีน และคาร์บอนในโครงสร้างทางเคมี

สารทำความเย็น HC (ไฮโดรคาร์บอน) หรือสารทำความเย็นธรรมชาติ หมายถึงสารทำความเย็นชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วยสารประกอบไฮโดรคาร์บอน เช่น โพรเพน (R290), ไอโซบิวเทน (R600a) หรือส่วนผสมของทั้งสองอย่าง

สารทำความเย็น HFC (Hydrofluorocarbon) เป็นสารทำความเย็นสังเคราะห์ชนิดหนึ่งที่ไม่มีอะตอมของคลอรีนเหมือนกับสารทำความเย็นรุ่นก่อนหน้า (CFCs,HCFCs) ในอดีตสารทำความเย็นประเภทนี้จึงได้รับการพิจารณาว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และประหยัดพลังงาน มากกว่าสารทำความเย็นแบบดั้งเดิม

HFO ย่อมาจาก Hydrofluoroolefin ซึ่งเป็นสารทำความเย็นสังเคราะห์ชนิดหนึ่งที่ได้รับการออกแบบให้มีศักยภาพในการทำให้โลกร้อน (GWP) ต่ำกว่าสารทำความเย็นประเภทไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFC)

การจัดการสารทำความเย็น (Refrigerant Management) คือ กระบวนการในการจัดการ จัดเก็บ และกำจัดสารทำความเย็นที่ใช้ในระบบทำความเย็นและระบบทำความเย็นอย่างเหมาะสม

การค้นหาสารทำความเย็นทดแทนที่ดีที่สุดทั้งในแง่ของสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความยั่งยืนในการใช้งาน โดยมีตัวเลือกระหว่าง R32 ที่เริ่มมีการถูกใช้มาระยะหนึ่ง และสารทำความเย็น R454B เข้ามาทดแทน

ในช่วงเมษายน เดือนที่ร้อนที่สุดของประเทศไทย ตู้เย็นของคุณจะทำงานอย่างหนักเพื่อให้ของในตู้เย็นเย็นอยู่เสมอ แม้จะมีสภาวะภายนอกจะร้อนขนาดไหนก็ตาม แต่ก็แลกมาด้วยการใช้พลังงานมากขึ้น การบำรุงรักษา หรือการใช้งานที่ผิดวิธี อาจทำให้ค่าไฟของเราสูงขึ้น

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าระบบใช้สารทำความเย็นที่ติดไฟได้ ? สารทำความเย็นติดไฟที่ถูกกำหนดตามมาตรฐานอย่าง 2L, 2 หรือ 3 เช่นสารทำความเย็น R-290 R152a และ R-32 เป็นต้น

ความสามารถในการติดไฟ (Flammability) การติดไฟคือการวัดความสามารถของสารในการเผาไหม้ หรือติดไฟทำให้เกิดไฟไหม้หรือการเผาไหม้ 2 สิ่งที่วัดความสามารถในการติดไฟคือ "จุดวาบไฟ" (Flash point)

สาร "ไฮโดรคาร์บอน" หรือ HCs เป็นสารทำความเย็นธรรมชาติ ไม่เป็นพิษ และไม่ทำลายโอโซน ถูกนำมาใช้ครั้งแรกตั้งแต่ปี 1867 และถ้าเรารวมกับสารทำความเย็นอย่าง "แอมโมนีย" แล้ว สารทำความเย็นประเภท HCs ได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากที่สุด

สารทำความเย็นไฮโดรคาร์บอน (HCs) เป็นสารทำความเย็นที่ไม่เป็นพิษ ประกอบด้วย สารประกอบคาร์บอนและไฮโดรเจน ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและเป็นสารทำความเย็นที่ไม่เป็นอันตรายต่อชั้นโอโซน (ODP = 0) และแทบไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรง (GWP<4)

"เครื่องปรับอากาศ" ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาด้านความร้อนมากที่สุด แต่ผลที่ตามมาคือเครื่องปรับอากาศที่บ้านของคุณจะทำงานหนักเป็นพิเศษในช่วงพีคของซีซันนี้ ซึ่งหมายความว่าค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเครื่องปรับอากาศของคุณอาจเพิ่มขึ้นโดยที่คุณไม่รู้ตัว

หากต้องการตรวจเช็คระบบปรับอากาศในรถยนต์ของคุณในหน้าร้อนนี้ หรือสงสัยว่าระบบปรับอากาศรถยนต์กำลังมีปัญหาในการทำงาน ซึ่งอาจจำเป็นต้องเติมน้ำยาแอร์รถยนต์ แต่เนื่องจากสารทำความเย็นของระบบปรับอากาศรถยนต์มี 3 ประเภทที่แตกต่างกัน และไม่สามารถผสม หรือใช้สลับกันได้

ถังดับเพลิงแต่ละประเภทได้บรรจุสารเคมี หรือสารภายในที่แตกต่างกันในด้านของประสิทธิภาพ และการใช้งาน จึงไม่มีถังดับเพลิงแบบใดแบบหนึ่งสามารถใช้จัดการกับไฟจากต้นกำเนิดได้ทุกประเภท

หลังการแพร่ระบาดของ Covid-19 วงการ HVAC-R มีพัฒนาด้วยด้วยเทรนด์เทคโนโลยี เพื่อมา support วิกฤตการณ์ครั้งนี้ รวมไปถึงการเติบโตอย่างยั่งยืน และการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนในปี 2023

ตัวเลือกสารทำความเย็นที่มีมากมายในตอนนี้ แม้จะเป็นน้ำยาเบอร์เดียวกัน หรือสามารถใช้ในอุตสาหกรรมที่เหมือนกันได้ แต่ก็ยังมีความแตกต่างเช่นในเรื่องของคุณภาพ และราคา ฯลฯ

สารทำความเย็น หรือน้ำยาแอร์เป็นสื่อทางอุณหพลศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการแลกเปลี่ยนความร้อนในชิ้นส่วนของอุปกรณ์ทำความเย็นหรือปั๊มความร้อน ด้วยหลักการที่เรียบง่าย

ในระยะ 5-10 ปีก่อนหน้านี้ สารทำความเย็นที่ถูกใช้กันมากที่สุดในอุตสาหกรรมการผลิตที่หลากหลายอย่าง R-410A R404A R-407C หรือ R134a ได้มีแนวโน้มการใช้งานลดลงเรื่อยๆ จากทั่วโลก เนื่องจากเป็นสารทำความเย็น HFC ที่มีค่า GWP สูง

ประเภทของระบบปรับอากาศเชิงพาณิชย์ในตลาด HVAC มีตัวเลือกระบบให้เลือกอย่างมากมาย สำหรับ ร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านอาหารขนาดเล็ก ไปจนถึงอาคารขนาดใหญ่ ทุกแห่งมีเงื่อนไขที่เหมาะสม และการออกแบบเฉพาะที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การใช้งานของสถานที่นั้นๆ

สารทำความเย็นมีบทบาทสำคัญในวงจรระบบทำความเย็น โดยจะเปลี่ยนจากสถานะก๊าซเป็นของเหลวและย้อนกลับตลอดกระบวนการทำความเย็น โดยเครื่องปรับอากาศประกอบด้วยคอมเพรสเซอร์ คอนเดนเซอร์ และคอยล์เย็น สารทำความเย็นจะเคลื่อนที่ผ่านบริเวณเหล่านี้ เปลี่ยนจากก๊าซเป็นของเหลวและหมุนเวียนอีกครั้ง

ปัจจุบันเป็นสารทำความเย็นที่นิยมใช้มากที่สุดในร้านสะดวกซื้อคือสารทำความเย็น R404A ที่มีการผสมแบบอะซีโอโทรปิกที่ 143a/125/134a โดยมีค่า ODP เป็นศูนย์ แต่มี GWP = 3922

การตรวจจับการรั่วไหลของสารทำความเย็น (Refrigerant Leak Detection Methods) ถือว่าเป็นการบำรุงเชิงป้องกันและแก้ไข ที่มีความสำคัญต่อเรื่องของความปลอดภัย และการปฏิบัติตามข้อกำหนด ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานสูงสุดและลดต้นทุนการดำเนินงาน

ที่ผ่านมา สารทำความเย็นยอดนิยมที่ใช้ในเครื่องทำความเย็นขนาดกลางในปัจจุบันคือ R-410A R404A และ R-407C ในขณะที่ R-134a และ R-123 ถูกใช้เป็นสารทำความเย็นในการใช้งานขนาดใหญ่กว่า

การตัดสินใจเลือกประเภทของสารทำความเย็นที่จะใช้ในเครื่องทำความเย็นนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการทางอุตสาหกรรม การพิจารณาด้านต้นทุน และความจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎระเบียบของกระทรวงอุตสาหกรรม และกรมโรงงาน รวมไปถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

สารทำความเย็น เป็นส่วนหนึ่งของระบบทำความเย็น ที่มีความสำคัญในภาควิศวกรรมและอุตสาหกรรมมากมาย หนึ่งในนั้นคืออุตสาหกรรมการแปรรูป การถนอมอาหาร โดยการเก็บรักษาไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าสภาพแวดล้อมโดยรอบ

ในปัจจุบัน สารทําความเย็นหลายชนิดนิยมใช้ในระบบการทําความเย็นแบบอัดไอ การเลือกสารทำความเย็น ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่ต้องการ ลักษณะการทํางาน ความเหมาะสมกับระบบ

ปัจจุบันสาร HFCs จะเป็นตัวแทนของก๊าซเรือนกระจกประมาณ 1% ของก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด แต่ผลกระทบต่อภาวะโลกร้อนอาจมากกว่า CO2 ต่อหน่วยมวลนับร้อยถึงหลายพันเท่า นอกจากนี้ การผลิต การใช้ และการปล่อยก๊าซ ที่ผลิตจากโรงงานเหล่านี้มีการเติบโตในอัตรา 8% ต่อปี โดยตรงคาดว่าจะคิดเป็น 45% ของการปล่อย CO2 เทียบเท่าในปี 2050

Chillventa นิทรรศการเทคโนโลยีทำความเย็นชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดในโลก จะจัดขึ้นที่เมืองนูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 11-13 ตุลาคม พ.ศ. 2022 ซึ่งจะมีการรวมตัวของผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องทำความเย็น ปรับอากาศ ระบายอากาศ และทำความร้อน (HVAC) หลายบริษัทแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ที่ร่วมนำเสนอผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีใหม่ อย่าง คอมเพรสเซอร์ เทคโนโลยีแลกเปลี่ยนความร้อน อะไหล่ อุปกรณ์ รวมถึงสารทำความเย็น

บทบาท หน้าที่สำคัญของคอมเพรสเซอร์ในการทำความเย็นคือ ทำหน้าที่อัดไอหรือเพิ่มความดันให้กับสารทำความเย็น ให้มีความดันสูงขึ้น และส่งออกทางด้านส่ง (Discharge) ไปยังคอนเดนเซอร์ ซึ่งจะทำให้มีพลังงานกลที่จำเป็นในการสร้างความเย็น

อุปกรณ์ทำความเย็นเชิงพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ห้องเย็น หรือโรงงานอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่มีระบบทำความเย็นเชิงพาณิชย์ ควรบำรุงรักษาระบบอย่างสม่ำเสมอเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน

ในตารางการบำรุงรักษาคอมเพรสเซอร์ สามารถแบ่งการดูแล หรือรายการตรวจสอบได้เป็นรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน หรือรายไตรมาส และตั้งค่าการเตือนสำหรับแต่ละรายการเพื่อติดตาม รวมไปถึงการดูแลให้บุคลากรของคุณได้รับการฝึกอบรมและอัพเดทข่าวสารที่ทันสมัยอยู่เสมอเป็นสิ่งสำคัญ

การบำรุงรักษาคอมเพรสเซอร์ในเชิงป้องกัน (preventive maintenance : PM) คือวิธีที่ดีที่สุด เพื่อป้องกันการหยุดทำงานของคอมเพรสเซอร์ หรือความเสียหายในระยะยาว และช่วยให้แน่ใจได้ว่าอุปกรณ์การทำความเย็นต่างๆ สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

สารทำความเย็น ไฮโดรคาร์บอน (Hydrocarbon) หรือสารทำความเย็นกลุ่ม HC เป็นอีกหนึ่งในกลุ่มสารทำความเย็นธรรมชาติ (เช่น CO2/NH3) มีเป้าหมายลดอัตราภาวะโลกร้อนให้ต่ำ ที่หลายหน่วยงานผลักดันให้มีการใช้มากขึ้น ตามแนวทางของข้อบังคับการให้สารทำความเย็นสากล สารทำความเย็นธรรมชาติ คือสารที่สามารถพบเจอได้ในสภาพแวดล้อมทั่วไป มีค่า ODP=0 และมีค่า GWP ที่ต่ำมากๆ

การลดปริมาณการใช้ และการผลิต สารทำความเย็นประเภท HFCs ลงอีก 85% เพื่อให้เหลือเพียง 15% ตามยอดปริมาณการใช้งานในปัจจุบัน จะมีแผนในการลดการใช้สาร HFCs ดังนี้ • กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วจะเริ่มควบคุมปริมาณตั้งแต่ปี 2019 และลดลงเหลือ 15% ภายในปี 2036 (ยกเว้น Belarus, the Russian Federation, Kazakhstan, Tajikistan, Uzbekistan จะเริ่มควบคุมปริมาณตั้งแต่ปี 2020 และมีเป้าหมายลดลงในปีเดียวกัน) • กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา #รวมถึงประเทศไทย เริ่มควบคุมปริมาณในปี 2024 และลดลงเหลือ 20% ในปี 2045 หรือ พ.ศ. 2588 (ยกเว้น Bahrain, India, Iran, Iraq, Kuwait, Oman, Pakistan, Qatar, Saudi Arabia, UAE เริ่มควบคุมปริมาณในปี 2028 และลดลงเหลือ 15% ในปี 2047)

อุณหภูมิโดยรวมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตู้เย็นในครัวเรือนคือระหว่าง 0°C ถึง 4°C และ -17°C ถึง -19°C ในส่วนของช่องแช่แข็ง อุณหภูมิตู้เย็นที่เหมาะสม จะสามารถเก็บอาหารด้วยการทำความเย็นและรับประทานได้อย่างปลอดภัยเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ โดยชะลอการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ช่องแช่แข็งสามารถเก็บอาหารให้สดและยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้นานหลายเดือน

แม้ว่าการทำความเย็นของตู้เย็นจะได้รับการออกแบบมาให้เป็นระบบปิด แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการรั่วไหลของสารทำความเย็นขึ้นจากหลายสาเหตุ ซึ่งไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อความสดของอาหาร หรือวัตถุดิบในตู้เย็นเท่านั้น แต่ยังอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณอีกด้วย ดังนั้นวันนี้เราจะมาสำรวจ 5 สัญญาณ ที่บ่งบอกว่าตู้เย็นของเรากำลังมีน้ำยาทำความเย็นรั่วกันค่ะ

สารทำความเย็น หรือน้ำยาแอร์ ทุกคนสามารถพบเจอได้ในชีวิตประจำวัน เช่นการซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ต ตู้แช่สินค้า ตู้แช่เย็นเครื่องดื่ม หรือการเปิดเครื่องปรับอากาศภายในที่พักอาศัยที่มีน้ำยาแอร์บรรจุเพื่อให้ความเย็นสบายแก่บรรยกาศในห้อง สำหรับผู้ใช้งานแอร์ หรือเครื่องปรับอากาศ

ปัจจุบันมีสารทำความเย็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพเชื่อถือได้ตามคุณสมบัติที่กล่าวมาหลากหลาย Colder Solution ขอแนะนำสารทำความเย็นสำหรับตู้แช่ ตู้โชว์อาหาร และอุปกรณ์ทำความเย็นต่างๆ ในธุรกิจและอุตสาหกรรม Food Retail ที่มีประสิทธิภาพเท่าเทียมกันเพื่อเป็นสารทำความเย็นทางเลือกสำหรับใช้ในระบบทำความเย็น ดังต่อไปนี้ค่ะ

World Refrigeration Day จัดขึ้นในวันที่ 26 มิถุนายนของทุกปี ซึ่งตรงกับวันเกิดของลอร์ด เคลวิน วันเครื่องทำความเย็นโลก มีจุดมุ่งหมายสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาและการนำโซลูชันการทำความเย็นที่เป็นนวัตกรรมและยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ เอกชน และประชาชนในระดับสากล เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของอนาคต

เครื่องทำความเย็นเชิงอุตสาหกรรมสามารถกำหนดให้เป็นอุปกรณ์ที่สามารถจะขจัดความร้อนออกจากกระบวนการผลิต เป็นส่วนหนึ่งในการผลิต โดยลดอุณหภูมิลงเป็นค่าที่ต้องการ ขึ้นอยู่กับพารามิเตอร์ต่างๆ เช่น มาตราส่วนการผลิต ความแตกต่างของอุณหภูมิ ความแม่นยำ หรืออุณหภูมิที่คาดไว้ และมีหลายวิธีที่ใช้ในการทำความเย็นทางอุตสาหกรรม ระบบทำความเย็นและทำความเย็นได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่กำหนดตามลักษณะเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมหลักที่ต้องการใช้ระบบทำความเย็น เช่น District Cooling, การผลิตไฟฟ้า, เคมีและปิโตรเคมี, เภสัชกรรม, อาหารและเครื่องดื่ม, Data Center เป็นต้น

การเลือกยี่ห้อ หรือประเภทของเครื่องปรับอากาศขึ้นอยู่กับความชอบ และลักษณะความต้องการของผู้ซื้อ แต่การเลือกขนาดของเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับขนาดห้องเป็นสิ่งสำคัญ ในการลดการใช้พลังงาน หรือต้นทุนไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศขนาดเล็กเกินไป กำลังหรือประสิทธิภาพอาจจะทำให้ห้องขนาดใหญ่ เย็นไม่เพียงพอ มีเวลาทำงานนานกว่าปกติ ทำให้เครื่องปรับอากาศรับภาระมากเกินไป ในทางกลับกัน การเลือกเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่เกินไป แม้จะทำให้ห้องเย็นลงอย่างรวดเร็ว แต่มีความชื้นเพิ่มมากขึ้น คอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย รวมถึงสิ้นเปลืองพลังงาน ดังนั้นการเลือกขนาดเครื่องปรับอากาศ หรือแอร์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการตัดสินใจก่อนการเลือกซื้อค่ะ

การเลือกสารทำความเย็นใหม่ เป็นแค่เพียงมาตราการในการเริ่มต้นในการดูแลสิ่งแวดล้อม แต่ต้องต่อยอดไปถึงความยั่งยืนอย่าง "วิธีการจัดการสารทำความเย็นตลอดวงจรชีวิต" การนำกลับคืนและการนำกลับมาใช้ใหม่ยังมีความสำคัญมากอีกด้วย รวมถึงการป้องกันการรั่วไหล การกู้คืน การเรียกคืน การทำลายสารทำความเย็น และการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานของสารทำความเย็นเพื่อลดการปล่อยมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวม

คอมเพรสเซอร์ (Compressor) หรือเครื่องอัดอากาศ เป็นเครื่องมือที่เป็นหัวใจหลักสำคัญสำหรับการปรับอากาศและทำความเย็นในหลายอุตสาหกรรม รวมถึงด้านการแพทย์ โรงพยาบาล ธุรกิจ Health Care ที่ต้องการรักษาสภาพแวดล้อมที่ปลอดเชื้ออยู่เสมอ ยิ่งจำเป็นต้องใช้คอมเพรสเซอร์ (Compressor) เพื่อจ่ายอากาศบริสุทธิ์และรักษาสภาพแวดล้อมทั่วทั้งอาคาร นอกจากคอมเพรสเซอร์ (Compressor) ยังมีเครื่องมือ และระบบซับซ้อนมากมาย คอมเพรสเซอร์ (Compressor) ส่วนใหญ่ไม่มีการหล่อลื่นเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันเข้าสู่อากาศ และคอมเพรสเซอร์ (Compressor) สำหรับการแพทย์ต้องได้มาตรฐานระดับสูงของอุตสาหกรรมการแพทย์

โดยทั่วไป คอมเพรสเซอร์ที่หล่อลื่นด้วยน้ำมันคอมฯ จะมีการจัดการกับรอบการทำงานที่สูงขึ้น และมีอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ยาวนานกว่ารุ่นที่ไม่ได้ใช้น้ำมันคอมเพรสเซอร์ รวมถึงคอมเพรสเซอร์ที่หล่อลื่นด้วยน้ำมันส่วนใหญ่ยังทำงานได้เงียบกว่ารุ่นที่ไม่ใช้น้ำมัน ซึ่งเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เลือกคอมเพรสเซอร์ที่ต้องใช้น้ำมันหล่อลื่น

อันตรายจากการปฏิบัติงานในการใช้สารทำความเย็นสามารถแบ่งเป็น 3 ส่วน 1.อันตรายที่เกิดจากสารทำความเย็นโดยตรง 2.อันตรายที่เกิดจากถังความดัน เช่นถังบรรจุแก๊สและถังบรรจุสารทำความเย็น 3.อันตรายที่เกิดจากการใช้ไฟฟ้า

ผู้ผลิตสารทำความเย็นจากแบรนด์ชั้นนำ กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อทำให้ตัวเลือกสารทำความเย็นที่มีคุณสมบัติ GWP ที่ต่ำกว่า มีทางเลือกมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของระบบทำความเย็นในปัจจุบัน พร้อมกับการสร้างสมดุลของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม HFO ที่ผสมกับสารทำความเย็นอื่น ๆ ได้รับความนิยม การผสม HFO กับสารตัวอื่นๆ ช่วยให้ผู้ผลิตสารทำความเย็น สามารถเสนอตัวเลือก GWP ที่ต่ำ ซึ่งสามารถใช้เป็นสารทดแทนแบบ Drop in ในระบบที่ใช้ HCFC และ HFC ในปัจจุบัน

อนาคตคาดว่าภาวะโลกร้อนจะกลายเป็นปัญหาที่เพิ่มมากขึ้น และต้องรีบจัดการโดยเร่งด่วน โดยเฉพาะในหลายประเทศที่มีความเติบโตด้านเศรษฐกิจมากขึ้น และความต้องการใช้งานพลังงานด้านความเย็นมากขึ้นตามไปด้วย ปัญหานี้ทำให้มีกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ในเรื่องการการทำลายชั้นโอโซนและภาวะโลกร้อน ได้แก่ข้อบังคับเกี่ยวกับสารทำความเย็น และข้อบังคับด้านการประหยัดพลังงาน ตลอดจนกฎระเบียนด้านสิ่งแวดล้อมในระดับสากลที่ได้ยอมรับทั่วโลก

มีปัจจัยมากมายที่ส่งผลต่อการทำงานของ Compressor ในระบบทำความเย็นของคุณ อาทิเช่น ประเภท รุ่น ขนาด อัตรากำลังมอเตอร์ การออกแบบระบบ กลไกการควบคุม การใช้งาน และกำหนดการบำรุงรักษา รวมถึงการปรับปรุงการออกแบบระบบ

ดังนั้นในปัจจุบันโซลูชันที่มี GWP ที่ต่ำกว่า เช่น R513A จะมีแนวโน้มที่จะคงอยู่ได้ในระยะยาว หากต้องการเปลี่ยนแปลงระบบ เนื่องจากมีการผสมผสานระหว่าง R1234yf และ R-134a ซึ่งทั้งคู่มีจำหน่ายในเชิงพาณิชย์มาเป็นเวลานาน

การเริ่มนำสารทำความเย็นประเภท A2L มาใช้จะช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานมากกว่าปี 2030 ควบคู่ไปกับประสิทธิภาพด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้น การปล่อยมลพิษต่อโลก และการบำรุงรักษาที่ลดลง ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ต้นทุนตลอดอายุการใช้งานลดลงอีกด้วย ปัจจุบันสารทำความเย็น A2L เริ่มมีการใช้ และการผลิตอย่างแพร่หลาย ส่งผลให้ราคาต่ำลง ถ้าเทียบกับอายุการใช้งานของระบบทำความเย็น และสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น สารทำความเย็น A2L นับว่าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุดในขณะนี้

การเริ่มเปลี่ยนแปลงระบบทำความเย็นของอุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ นอกจากในแง่ของสิ่งแวดล้อม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลด CO2 ภายในปี 2030 Daikin Creard R-407H เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่สุดของความคุ้มค่าด้านการประหยัดพลังงาน โดยลดการใช้พลังงานต่อปี 3-7% และเมื่อเทียบกับทางเลือกปัจจุบันอย่าง R404A จะประหยัดพลังงานมากกว่าถึง 12% และยังสามารถดำเนินธุรกิจในระบบทำความเย็นใหม่ได้ในอีกระยะยาว

การสารทำความเย็นที่นำกลับมาใช้ใหม่นั้นเป็นเพียงวิธีแก้ปัญหาระยะสั้นเท่านั้น แต่การแก้ไขปัญหาในระยะยาวที่เราคงยังจำเป็นต้องดำเนินการต่อ ในระหว่างที่นำสารทำความเย็นที่นำกลับมาใช้ใหม่นี้ ทำให้มีเวลาในการตัดสินใจ และเริ่มจัดสรรงบประมาณ สำหรับระบบทำความเย็นที่ติดตั้งใหม่โดยใช้สารทำความเย็น GWP ที่ต่ำกว่า

หนึ่งในอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยส่งความเย็นไปยังเครื่องปรับอากาศที่มีอยู่ในห้องต่างๆ ในตัวอาคารคือ Chiller โดยมีหลักการทำงานโดยนำสารทำความเย็น ที่อยู่ในสภาวะไออิ่มตัวมาอัดที่ตัว Compressor ก่อนเข้าสู่วัฏจักรความเย็น นอกจากประเภทการใช้งานที่เป็นปัจจัยในการเลือกใช้สารทำความเย็น ในระบบ HVAC แล้ว ยังมีทางด้านของสิ่งแวดล้อมและกฏหมายที่มีอิทธิพลต่อการเลือกใช้สารทำความเย็นในอนาคตอีกด้วย ในแง่ของสารทำความเย็นที่ใช้จะสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือแรงดันต่ำ กลาง และสูง

ยังมีปัจจัยที่จะทำให้สารทำความเย็นทำงานได้อย่างมีคุณภาพความเย็นสูงสุด คือความบริสุทธิ์ ไร้สิ่งปนเปื้อน และส่วนผสมของสารทำความเย็นที่มีมาตรฐาน ส่งผลให้สารทำความเย็นมีคุณสมบัติ คือ จุดเดือดต่ำ ระเหยได้เร็วที่ความดันปกติ ทำให้ดูดซับ และนำพาความร้อนได้ดี สารทำความเย็นที่ได้มาตรฐานดั่งที่กล่าวมา จะต้องได้รับการตรวจสอบคุณภาพทุกครั้งใน laboratory เพื่อวิเคราะห์อัตราส่วน และความบริสุทธิ์ของสารทำความเย็นก่อนบรรจุจำหน่ายทุกครั้งโดยวิธียอดนิยม ที่สามารถวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำคือ GC หรือ Gas Chromatography

กว่าจะมาเป็นสารทำความเย็น ที่ช่วยสร้างความเย็นให้กับสินค้า ธุรกิจและมนุษย์ทุกคน นอกจากขั้นตอนการนำเข้าแล้ว ต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้าง วันนี้ Colder solution จะมาเปิดเผยความลับทุกขั้นตอนการผลิต และตรวจสอบที่ได้มาตรฐานกันค่ะ

R-1234ze สามารถใช้งานสำหรับเครื่องทำความเย็นแบบประหยัดพลังงาน รวมถึงหรือเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ ในซูเปอร์มาร์เก็ตและอาคารพาณิชย์ ตลอดจนในการใช้งานที่อุณหภูมิปานกลางอื่นๆ เช่นปั๊มความร้อน ตู้เย็น ตู้หยอดเหรียญ CO2 cascade systems ในระบบทำความเย็นเชิงพาณิชย์ นอกจากงานด้านปรับอากาศและสร้างความเย็นแล้ว Honeywell R1234ze ยังใช้ในงานการผลิตอื่นๆ เช่นการผลิต Aerosol และ ORC Engine ที่ผลิตไฟฟ้าจากความร้อนอีกด้วย

นอกจากตู้เย็น หรือตู้แช่ทั่วไปที่ใช้สร้างความเย็นและรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ ให้กับธุรกิจโรงงานอุตสาหกรรม อาหาร และซุปเปอร์มาเก็ตแล้ว ยังมีอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ทดสอบเพื่อสร้างความเสถียร และใช้เพื่อตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์คือ ตู้ควบคุมสภาพแวดล้อม (Environmental Chamber) หรือตู้ Chamber ที่ใช้ในการจำลองสภาพสิ่งแวดล้อมต่างๆ ขึ้นมา เช่น อากาศร้อน อากาศเย็น ความกดอากาศ แสงแดด ฝุ่งละออง ฯลฯ เพื่อทำการทดลองกับ เครื่องจักรกล วัตถุดิบ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่อยู่ในสภาวะที่ไม่ได้คาดหวัง เนื่องจากสินค้า และผลิตภัณฑ์ต่างๆ จะมีการเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน สภาพแวดล้อมดังกล่าว อาจทำให้คุณภาพ และอายุของสินค้าลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร หลายอุตสาหกรรม และธุรกิจ จึงจำเป็นต้องทำการทดสอบผลิตภัณฑ์ กับตัวแปรที่มีผลกระทบทางสภาพแวดล้อม เพื่อทราบถึงระยะ และผลกระทบการเสื่อมต่อผลิตภัณฑ์ของคุณ

Daikin Creard R-407H โซลูชั่นที่ดีที่สุดสำหรับระบบทำความเย็นแบบใหม่ สิทธิบัตรเฉพาะ Daikin สารทำความเย็นตัวใหม่ เปิดตัวด้วยภาพลักษณ์ GWP ต่ำกว่า 1500 และประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้

Cold Chain Management นับเป็นกระบวนการที่สำคัญที่จะช่วยลดความสูญเสียซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนทางธุรกิจของผู้ใช้บริการได้ ในปัจจุบันความท้าทายของธุรกิจ Cold Chain Management ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างของอุณหภูมิในประเทศ การแข่งขันที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น รวมถึงกฏระเบียบด้านความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้น โดยเป็นไปตามข้อบังคับและหลักปฏิบัติ (Code of pratice) ในอุตสาหกรรมนั้นๆ ที่ระบุวิธีการจัดการในส่วนต่างๆ ขึ้นอยู่กับสินค้าเช่น อาหาร ยาและเวชภัณฑ์ต่างๆ หากธุรกิจของท่านมีความรวดเร็วในการกระจายสินค้า การรักษาคุณภาพสินค้า และการยกระดับความปลอดภัยนั้น จะช่วยสร้างความมั่นใจ และสร้างความพึงพอใจต่อลูกค้าได้เป็นอย่างดี

สิ่งที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบทำความเย็นในอุณหภูมิต่ำพิเศษหรือ Very Low Temperature มีปัจจัยหลายประการเช่น ขนาดและปริมาณของสินค้า อุณหภูมิแวดล้อม การไหลเวียนของอากาศรอบยูนิต รวมถึงการเลือกใช้สารทำความเย็นที่เป็นปัจจัยที่มีผลกระทบมากที่สุดต่อประสิทธิภาพการทำความเย็นในอุณหภูมิต่ำพิเศษ

การเลือกคอมเพรสเซอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณอาจจะต้องพิจารณามากกว่าประเภท และชนิดของคอมเพรสเซอร์ โดยเฉพาะคะแนนของค่าต่างๆ ที่มากมาย อาจจะทำให้เราสับสนในการเลือกซื้อ วันนี้ Colder Solution จะพามาทำความเข้าใจให้ลึกมากขึ้น เกี่ยวกับการพิจารณาเลือกซื้อคอมเพรสเซอร์ เพราะการเข้าใจข้อกำหนดเหล่านี้เป็นอย่างดี จะช่วยให้คุณมั่นใจในการตัดสินใจเลือกซื้อคอมเพรสเซอร์ที่เหมาะกับความต้องการของคุณได้ค่ะ

3 สารทำความเย็นในตู้เย็นเชิงพาณิชย์ ถือว่ามีข้อดีข้อเสียต่างกันอยู่บางจุด อย่างเช่นสารทำความเย็น R404a และสารทำความเย็น R449a หากมีการรั่วของระบบจะไม่สามารถเติม Top Up ได้เลยเหมือนสารทำความเย็น R507 จำเป็นต้องมีการแวคคั่มน้ำยาแอร์ออกเพื่อเติมเข้าไปใหม่ทั้งระบบ และแม้ราคาของ R404a จะถูกกว่ามาก แต่ก็ต้องแลกด้วยสาร GWP ที่สูงถึง 3922 ต่างจาก R449A ที่มีค่า GWP เพียง 1397

Orafon R-600a เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตเครื่องเย็นหรือตู้เย็นหลายยี่ห้อ เริ่มหันมาใช้สาร R-600A ทดแทนสาร R134A นอกจากคุณสมบัติที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติแล้ว ประสิทธิภาพต่างๆ ทางเทอร์โมไดนามิกส์ก็ดีเยี่ยมด้วยเช่นกัน เช่นการระบายความร้อนสูง และใช้พลังงานต่ำ รวมถึงเป็นสารทำความเย็นที่มีต้นทุนต่ำ

Sight glass จะทำหน้าที่บอกสถานะของสารทำความเย็น เพื่อบ่งชี้ปัญหาที่เกี่ยวกับสารทำความเย็น เช่นความชื้น รวมถึงการปนเปื้อนในระบบ อุปกรณ์ Sight Glass มักจะถูกนำไปติดตั้งอยู่ใกล้ๆ กับ Filter Drier และ Expansion Valve ระหว่างท่อเดินน้ำยา

สารทำความเย็นหรือน้ำยาแอร์ในระบบการทำความเย็นรถยนต์ที่นิยมใช้มากที่สุดในปัจจุบัน ORAFON R-1234yf คือสารทำความเย็นหรือน้ำยาแอร์ประเภท HFOs (Hydrofluoroolefin) ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อทดแทน R-134a ซึ่งข้อดีของ ORAFON R-1234yf เป็นสารทำความเย็นที่ไม่ทำลายชั้นโอโซนและมีโอกาสเกิดภาวะโลกร้อนที่ต่ำมาก เพราะมีค่า GWP แค่ 4 เท่านั้น และยังมี Honeywell 1234ze แม้ยังไม่แพร่หลายแต่ก็มีค่า GWP ต่ำที่สุด (GWP : 1)

สารทำความเย็นธรรมชาติ R290 หรือ โพรเพน เป็นสารทำความเย็นธรรมชาติ (Natural refrigerants) จำพวกไฮโดรคาร์บอนหรือ HC ที่ได้จากกระบวนการกลั่นน้ำมันดิบ หรือก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในแง่ของสารทำความเย็น R290 จะไม่ได้เติม Methyl Mercaptan หรือกลิ่นลงไป ต่างจากก๊าซหุงต้ม

การทำงานเริ่มจากเมื่ออุณหภูมิของสารทำความเย็นในท่อเดินสารทำความเย็นฝั่ง Suction Line หรือท่อทางดูดสูงขึ้น สารในกระเปาะจะระเหยตัวทำให้ความดันในกระเปาะสูงขึ้นเพื่อให้มีแรงกระทำกับแผ่นไดอะเฟรมด้านบน แรงดันจะสู้กับแรงสปริงและความดันในฝั่ง Evaporator และทำให้วาล์วเปิดเพื่อจ่ายสารทำความเย็นเข้าไปในคอยล์เย็นได้มากขึ้น หลังจากนั้นเมื่อสารทำความเย็นถูกจ่ายสู่คอยล์เย็นในปริมาณที่เกินกว่าภาระ (Load) การทำความเย็นที่ระบบต้องการ ท่อ Suction Line จะมีอุณหภูมิที่ต่ำลง สารที่อยู่ในกระเปาะหรือ Bulb จะกลับมาเป็นของเหลวอีกครั้ง ทำให้ความดันด้านบนของแผ่นไดอะเฟรมลดต่ำลง ส่งผลตรงข้ามจากการทำงานครั้งแรก ส่งผลให้วาล์วปิดและจ่ายสารทำความเย็นเข้าไปในคอยล์เย็นลดลง

สารทำความเย็น หรือน้ำยาแอร์ R507 สามารถใช้ทดแทนหรือสลับกับสารทำความเย็น R404a ได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันคอมเพรสเซอร์หรือทำการแว็คคัมน้ำยาเดิมออก ข้อเสียสำหรับท่านที่เปลี่ยนสารทำความเย็นไปเป็น R507 อาจจะมีเรื่องค่าพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ข้อดีของ สารทำความเย็น R507 ประสิทธิภาพการทำความเย็นอยู่ในขั้นดีกว่า ทำความเย็นได้นิ่งกว่า และแม่นยำกว่า ทำให้ประหยัดค่าสารทำความเย็น รวมไปถึงการซ่อมบำรุงที่ง่ายกว่า

เทคนิคในการเลือกสารทำความเย็นให้เหมาะสมกับการใช้งาน วิธีเลือกสารทำความเย็นเบื้องต้น มีปัจจัยที่ต้องพิจารณาอยู่มาก ทั้งเรื่องเทคนิค และต้นทุนการผลิต รวมถึงผลกระทบที่จะตามมาต่อสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันอุตสาหกรรมทำความเย็นที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ไปพร้อมกับความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ปรากฏอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสารทำความเย็นที่เป็นจุดเริ่มต้นในการทำความเย็นสู่สินค้าของคุณ วันนี้ Colder Solution มี 4 ข้อหลักในการเลือกซื้อสารทำความเย็น หรือวิธีเลือกน้ำยาแอร์ มาฝากกันค่ะ

ในปัจจุบัน Chiller รุ่นใหม่ๆ ถูกออกแบบให้รองรับอนาคตมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการประหยัดพลังงาน รวมถึงถูกปรับให้ใช้สารทำความเย็นจำพวกไม่มีสาร CFC ที่ทำลายชั้นบรรยากาศของโลกอีกด้วย ระบบที่สามารถทำความเย็นได้อย่างรวดเร็วของ Chiller รวมไปถึงการช่วยประหยัดพลังงาน และงบประมาณในระยะยาว ชิลเลอร์ (Chiller) จึงถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากับธุรกิจ และอุตสาหกรรมของคุณ

น้ำยาแอร์หรือสารทำความเย็น R410a เป็นอีกหนึ่งสารทำความเย็นเพื่ออนาคตที่มาทดแทนสารทำความเย็น R22 ในอุตสาหกรรมที่ให้ความเย็นปานกลาง โดยเฉพาะการปรับอากาศในเชิงพาณิชย์ และที่อยู่อาศัย ในตระกูล HFC หรือ Hydro Fluoro Carbonที่มีส่วนผสมของ น้ำยา R32 และ R125 ในอัตราส่วนร้อยละ 50 ใช้สำหรับเครื่องปรับอากาศ และ เครื่องทำความเย็นที่ใช้อุปกรณ์รุ่นใหม่ R-410a เริ่มออกสู่ตลาดประมาณปี 2539 และในปัจจุบันสารทำความเย็น R410a เป็นสารทำความเย็นที่แนะนำให้ใช้ในเครื่องปรับอากาศ แทนสารทำความเย็น R-22

สารทำความเย็น R404A เหมาะแก่การนำไปใช้ในเครื่องทำความเย็นที่มีอุณหภูมิกลางและต่ำ เช่นตู้แช่ หรือห้องเย็นอุตสาหกรรม ตู้เย็นในซูปเปอร์มาร์เก็ต รถขนส่งสินค้า รวมทั้งอุปกรณ์ทำความเย็นที่ต้องการอุณหภูมิต่ำถึง -40 องศาเซลเซียส มีค่า Capacity ที่เสถียร ช่วยลดและประหยัดพลังงานไฟฟ้า ไม่ติดไฟด้วยการจัดลำดับความปลอดภัยในระดับ A1

Freon (ฟรีออน) เป็นชื่อทางการค้าของสารทำความเย็นชนิดหนึ่ง ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและยาวนานมากที่สุด Freon ไม่ใช่ชื่อบริษัทหรือชื่อสารทำความเย็นจำเพาะ แต่เป็นชื่อตราสินค้าจดทะเบียนซึ่งเป็นเจ้าของโดย Chemours Company หรือเครื่องหมายทางการค้าของสารทำความเย็นเครื่องปรับอากาศที่สร้างโดยดูปองท์ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดามากที่เรามักเรียกสารทำความเย็นทุกยี่ห้อว่า Freon แม้ว่าจะเป็นคนละแบรนด์กันก็ตาม

ระบบสารทำความเย็น R407c คือระบบที่ใช้สายพานการผลิตเดียวกับสารทำความเย็น R22 ที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นระบบที่สามารถใช้สารทำความเย็นที่ลดการทำลายชั้นบรรยากาศได้ คือมีค่า ODP=0 จึงตรงกับมาตรฐาน ISO 14000 คือไม่ทำลายชั้นโอโซน เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่น้ำยาแอร์ หรือสารทำความเย็น R407c เป็นที่นิยมสำหรับกลุ่มงานโรงงานอุตสาหกรรม อาคารสูง โรงแรม และโรงพยาบาล ในเชิงกลุ่มการผลิตสามารถเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับฟลูออโรโพลิเมอร์ นอกจากนี้สารทำความเย็น R407c ยังสามารถใช้เป็นตัวขับเคลื่อนสเปรย์สำหรับสารกำจัดศัตรูพืชในสายเกษตรกรรมอีกด้วย หากลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนสารทำความเย็น จาก R22 ที่เป็นสารทำความเย็นชนิด HCFCs เป็น R407c ที่เป็นชนิด HFCs Colder Solution มีคำแนะนำเบื้องต้นมาฝากค่ะ

อุณหภูมิการเก็บรักษา หรือการเลือกประเภทห้องเย็นเพื่อใช้งาน นอกจากจะต้องคำนึงถึงประเภทวัตถุดิบแล้ว ยังต้องคำนึงถึงกระบวนการผลิตให้เหมาะสมกับประเภทของห้องเย็นด้วย

หลักการออกแบบห้องเย็นควรคำนึงถึงอุณหภูมิของสินค้า ไปถึงอุณหภูมิห้อง การคำนวนระยะเวลาการจัดเก็บ การหมุนเวียนอากาศ ความดัน ความชื้นให้แม่นยำ รวมถึงสารทำความเย็น ให้เหมาะกับระบบทำความเย็น หรือเครื่องทำความเย็นที่เลือกใช้ในอุตสาหกรรมของคุณ

แอมโมเนียเป็นก๊าซที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งเป็นสารประกอบของไนโตรเจนและไฮโดรเจน สามารถใช้ผลิตและเป็นตัวสร้างสารเคมี สำหรับอุตสาหกรรมบางประเภท เมื่อใช้ในระบบทำความเย็น แอมโมเนียจะทำงานเพื่อดักจับ และถ่ายเทพลังงานความร้อนเพื่อให้แยกออกจากกระบวนการทำความเย็น

สารทำความเย็นที่ใช้ต้องมีผลทำให้ต้นทุนของพลังงานที่ต้องใช้น้อยกว่า และมีสมบัติทางเทอร์โมไดนามิกส์ หรือมีความสามารถในการถ่ายโอนความร้อน เพื่อทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์การถ่ายโอนความร้อนสูงกว่าสารทำความเย็นทั่วไป โดยเฉพาะแอมโมเนีย ด้วยความคุ้มค่าในด้านการลงทุนแอมโมเนียจัดเป็นสารที่มีราคาถูก เนื่องจากเป็นสารที่มีอยู่เหลือเฟือในธรรมาชาติ และให้คุณสมบัติทางเทอร์โมไดนามิกส์ดีเยี่ยม ใช้พลังงานน้อย มีประสิทธิภาพในการดูดซับความร้อนได้ดี หากเทียบกับสารทำความเย็นที่ใช้กันแพร่หลาย ค่า COP ของสารแอมโมเนียมีประสิทธิภาพทางไดโมไดนามิกสูงกว่า

3 ระบบท่อสารทำความเย็นนี้ การออกแบบระบบท่อสารทำความเย็นนั้นจำเป็นต้องมีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ในเรื่องขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อ อัตราการไหลเชิงมวล รวมถึงอุณหภูมิของสารทำความเย็น และ ความดันสูญเสียในระบบท่อ ซึ่งความดันสูญเสียในท่อและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ติดตั้งมีส่วนสำคัญในการออกแบบและเลือกใช้ขนาดท่อสารทำความเย็น และส่งผลกระทบถึง ประสิทธิภาพเครื่องอัดไอหรือ Compressor ในเครื่องทำความเย็นด้วย

เพราะความชื้นจะเข้าไปทำลายระบบทำความเย็นได้หลายอย่าง ในกรณีที่เราไม่เปลี่ยน Filter Drier เลย การทำงานของ Filter Drier จะทำงานแค่กรองสิ่งสกปรกออกอย่างเดียว ไม่สามารถดูดความชื้นได้อีก เพราะเกิดการอิ่มตัวของ Filter Drier ควรเปลี่ยน Filter Drier ทุกครั้งเมื่อมีน้ำยารั่วซึม หรือมีการเปิดระบบ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม เพราะการเปิดระบบเพื่อซ่อมแซมหรือติดตั้ง จะมีความเสี่ยงในการที่ความชื้นจะเข้าไปสู่ระบบได้ จึงแนะนำให้เปลี่ยน Filter Drier ทุกครั้งที่ทำการเปิดระบบ

เรื่องเทคโนโลยี IoT เป็นเรื่องที่ต้องจับตามองในแวดวงธุกิจอย่างมากค่ะ Colder Solution เชื่อว่ายังมีอีกหลากหลายธุรกิจที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิและความชื้น เพราะความเย็นเป็นเรื่องสำคัญต่อสินค้า และการบริการของคุณ เพราะห่วงโซ่ความเย็น ไม่ได้มีแค่การสร้างอุณหภูมิให้เย็นขึ้น แต่ยังผ่านกระบวนการหลากหลายที่ใช้ระยะเวลากว่าจะมาถึงผู้บริโภคโดยตรง

สิ่งที่ Linder ค้นพบ ทำให้ผลิตอุปกรณ์ทำความเย็นในทางปฏิบัติเป็นจำนวนมาก ปูทางไปสู่การจำหน่ายและการใช้อย่างแพร่หลายในศตวรรษที่ 20 เขาได้ยื่นจดสิทธิบัตรกระบวนการทำให้เป็นของเหลวซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีทำความเย็นขั้นพื้นฐาน และนี่เป็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของระบบทำความเย็น หลักการเหล่านี้ เป็นพื้นฐานที่ถูกนำมาปรับใช้ในการประดิษฐ์เครื่องปรับอากาศ และเครื่องเย็นจวบจนถึงปัจจุบัน ตามความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ สร้างความเติบโตต่อภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจอื่นๆ มากมาย เช่น อุตสาหกรรมเคมี และโดยเฉพาะอุตสาหกรรมด้านอาหาร

ระบบทำความเย็นถือว่าเป็นส่วนสำคัญมากในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ต้องใช้กระบวนการการทำความเย็นช่วยผลิตสินค้า ด้วยการทำงานต่อเนื่องของระบบทำความเย็น ปัจจัยหนึ่งที่เป็นต้นทุนที่ลืมไม่ได้เลยนั่นก็คือ ค่าไฟฟ้า และพลังงานที่ใช้กับระบบทำความเย็น

แนวทางที่จะคงประสิทธิภาพของวัคซีนดีที่สุด คือการเก็บในตู้แช่แข็ง Ultra-low-temperature freezers (ULT freezers) หรือตู้แช่แข็งควบคุมอุณหภูมิต่ำพิเศษ ULT ที่สามารถสร้างอุณหภูมิได้ต่ำมากๆ ถึง -150 °C สำหรับวัคซีนโควิด-19 ประเภท mRNA หากนำเก็บรักษาใน ULT จะสามารถคงประสิทธิภาพวัคซีนได้ถึง 6 เดือน และหากกระจายนำไปใช้งาน สามารถแช่ในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิปกติอยู่ที่ 2-8°C วัคซีนจะมีอายุเหลือประมาณ 5-7 วัน

โรงงานอุตสาหกรรมที่มีการผลิต จัดเก็บรักษาที่มีบุคลากรมากกว่า 7 คนขึ้นไปต้องมีการทำความเย็นที่มีมาตรฐานการตรวจสอบสภาพความพร้อมของอุปกรณ์ทำความเย็นอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ระบบทำความเย็นสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการคำนึงถึงความปลอดภัย เพื่อช่วยลดความเสี่ยง หรืออันตรายที่จะเกิดขึ้นกับบุคลากรและ ผลิตภัณฑ์ของท่าน

น้ำมันคอมเพรสเซอร์จะช่วยเพิ่มกำลังอัด และระบายความร้อน ให้กับคอมเพรสเซอร์ ทำให้น้ำมันคอมเพรสเซอร์เป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบสำคัญ ในระบบทำความเย็น

Condensing Unit เป็นหนึ่งในชุดอุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิ ฝั่งคอยล์ร้อน มีอยู่ในระบบทำความเย็น เช่นในตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ ปั๊มความร้อน และเครื่องเย็น ทำหน้าที่เคลื่อนที่พลังงานในรูปของความร้อนโดยบีบอัดก๊าซ ให้ตัวกลางอย่าง "สารทำความเย็น" ที่สูบผ่านระบบขดลวดและใช้อากาศรอบ ๆ ขดลวด

ลดการปล่อยน้ำยาแอร์ หรือสารทำความเย็นกลับสู่บรรยากาศโลก ด้วยการ Recover Reclaim Recharge สารทำความเย็นแทน และช่างแอร์ต้องพัฒนาความรู้เพื่อรับเทคโนโลยีสารทำความเย็นใหม่ๆ เพิ่มเติม เช่นความรู้เรื่องความดันในการเติมสารทำเย็น เนื่องจากชนิดสารทำความเย็นที่เปลี่ยนไป ความดันที่ใช้ในระบบทำความเย็นก็เปลี่ยนไปด้วย รวมถึงการเลือกใช้วัสดุที่ได้มาตรฐาน เพื่อลดการซ่อมจากปัญหาน้ำยาแอร์รั่วได้ค่ะ

Condenser (คอนเดนเซอร์) หรือคอยล์ร้อนทำหน้าที่เป็นเครื่องควบแน่น เปลี่ยนสถานะสารทำความเย็นจากไอ ที่มีอุณหภูมิและความดันสูงกลายเป็นของเหลว โดยสสารเป็นตัวช่วยในการระบายความร้อนออกจากคอนเดนเซอร์ หรือคอยล์ร้อนโดยที่ยังคงมีความดันอยู่เท่าเดิม

น้ำยาที่ใช้ในการทำความเย็น ระบบอัดไอ มีคุณสมบัติเบื้องต้นที่สามารถเปลี่ยนสถานะได้ง่าย เช่น สารทำความเย็น R-12, R-22 หรือ R-134a เป็นต้น โดยอาศัยสารทำความเย็น (Refrigerant) เหล่านี้ เป็นตัวกลางในการทำความเย็น ที่เกิดความเย็นด้วยการเปลี่ยนสถานะ ด้วยการใช้ความร้อนแฝงเข้ามาช่วยจากอุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้

สารทำความเย็นมีหลายประเภทมากมาย นอกจากจะคำนึงถึงระบบทำความเย็นเป็นหลักแล้ว เรื่องความปลอดภัย และความอันตรายทั้งต่อคน และต่อโลก ก็สำคัญไม่แพ้กัน

สรุปแล้วคอมเพรสเซอร์แบบไหนดีที่สุด ? คอมเพรสเซอร์ถูกพัฒนามาทุกยุคสมัย ตั้งแต่แบบลูกสูบ มายังแบบโรตารี่ที่ประหยัดพลังงานกว่า น้ำหนักเบากว่า จนมาเป็นคอมเพรสเซอร์แบบสโกรว์ ที่รวบรวมข้อดี ของคอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบและโรตารี่มารวมกัน การทำงานของคอมเพรสเซอร์ จะถูกแบ่งออกเป็นหลายรูปแบบ แต่วัตถุประสงค์และหลักการการทำงานของคอมเพรสเซอร์ คือ ทำให้สารทำความเย็นมีความดันเพิ่มขึ้น

ในระบบอุตสาหกรรมและธุรกิจ ที่อาศัยระบบทำความเย็นมาใช้ มีวัตถุประสงค์เดียวกันคือ ลดอุณหภูมิและรักษาระดับอุณหภูมิให้เป็นไปตามที่กำหนด เพื่อสินค้า หรือบริการที่ดีที่มีคุณภาพ ก่อนจะส่งต่อให้ผู้บริโภคและ ยังช่วยรักษาต้นทุนการผลิต โดยการใช้ความเย็นยับยั้ง การเติบโตของแบคทีเรียเพื่อยืดระยะเวลาในการเก็บรักษาได้นานยิ่งขึ้น

สารทำความเย็นหรือน้ำยาแอร์ ที่วงการเครื่องปรับอากาศในไทยนิยมใช้กัน ไม่ว่าจะเป็น R22, R410a หรือน้องใหม่ อย่าง R32 มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ในเรื่องดังต่อไปนี้ค่ะ

น้ำยาแอร์ขาดกี่ปอนด์นั้น ปอนด์ในที่นี่ไม่ใช่ปริมาตรของน้ำยาแอร์แต่อย่างไร แต่เป็นหน่วยแสดงแรงดัน ปอนด์/ตารางนิ้ว (PSIG) หรือวัดมาจากค่าแรงดันของน้ำยาในระบบนั่นเอง ทำให้เราสับสน ระหว่าง "ปอนด์" ที่เป็นน้ำหนัก หรือปอนด์ที่เป็นแรงดันในระบบ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อนำเสนอเนื้อหาและโฆษณา
คลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม ‘นโยบายคุกกี้’

ตกลง

บริษัท โคลเดอ โซลูชั่น | Colder Solution Co., Ltd
เลขที่ 123/515 ม.3 ซ.ธนสิทธิ์ ถ.เทพารักษ์, ต.บางปลา, อ.บางพลี, จ.สมุทรปราการ 10540

098-623-8787

kantawan.coldersolution@gmail.com

https://www.facebook.com/coldersolution

บทความทั้งหมด

อยากเปลี่ยนมาใช้ HFO แต่

ศาสตร์แห่งการเปลี่ยนสารทำความเย็น ต้อนรับ Net Zero

Asean Net Zero และก้าวเล็กๆ ของกฎหมายไทย

3 ประเด็นสำคัญกับอุตสาหกรรมทำความเย็น ที่ทั่วโลกพูดถึง

รถของคุณ ใช้ น้ำยาแอร์ อะไร

[แจกสไลด์ฟรี] HCFC R-22 กำลังจะกลายเป็นเพียงตำนาน

เตรียมรับมือ PM2.5 (อีกครั้ง)

ทำไมต้องเลือกสารทำความเย็นที่ผ่านการทดสอบจาก AHRI700

การคำนวนปริมาณน้ำยาแอร์ในระบบทำความเย็น

บทบาทของสารทำความเย็นกับ Net Zero

เทรนด์สารทำความเย็นปี 2025

ฮีทปั๊มทางเลือกประหยัดพลังงานในฤดูหนาว

ขั้นตอนการเปลี่ยนสารทำความเย็นแบบ Retrofit

น้ำยาแอร์ รั่วแล้วไปไหน ?

สารทำความเย็น 3% ที่ทำลายโลก

ถ้าน้ำยา R-410A หายไป อะไรจะมาแทนที่ ?

ถอดบทเรียน "สิงคโปร์แอร์ไลน์" ภัยหลุมอากาศจากโลกร้อน

ความแตกต่างระหว่างระบบปรับอากาศ และระบบทำความเย็น

เปรียบเทียบประสิทธิภาพ สารทำความเย็น R448A อนาคตใหม่ของ "ห้องเย็น"

เข้าสู่ "ลานีญา" โลกจะเย็นลงจริงหรือไม่ ?

สารทำความเย็นรั่วไหล ที่ไม่ใช่ครั้งแรก !

วิธีตรวจสอบระดับสารทำความเย็น

3 วิธีเตรียมพร้อมตู้เย็นก่อนวันหยุดยาว

การจัดเก็บ "ถังสารทำความเย็น" ในฤดูร้อน

วิธีแก้ "น้ำแอร์หยด" ปัญหากวนใจในหน้าร้อน

สารทำความเย็น หรือน้ำยาสำหรับตู้เย็น ตู้แช่ ในปัจจุบัน

แรงดันน้ำยาแอร์ ส่วนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

สารทำความเย็น มีส่วนประกอบอะไรบ้าง ?

เทคโนโลยีแอร์ Inverter กับน้ำยาแอร์ R-32

ความสำคัญของความบริสุทธิ์ของสารทำความเย็นและการทดสอบ

วิธีเปลี่ยนสารทำความเย็นในระบบทำความเย็น

เลือกซื้อ น้ำยาแอร์ อย่างไร ? ให้ถูกใจรอบด้าน

วิกฤตที่สายเกินแก้ ? เมื่อโลกร้อนเกินจุด Point of no return

"กรด" ในระบบทำความเย็น

7 ข้อดีของการเปลี่ยนมาใช้สารทำความเย็น HFO

เตรียมตัวเปลี่ยนสารทำความเย็น รับปี 2024

ลดการผลิตสารทำความเย็น HFC ลง 40% ในปี 2024

แนวโน้มสารทำความเย็น 2024

อุปกรณ์ควบคุมและจ่ายสารทำความเย็น

จะเกิดอะไรขึ้น ? ถ้าคุณใช้น้ำยาแอร์แบบผิดๆ

เมื่อ แอร์รถยนต์ "ไม่เย็น"

กระบวนการทางอุตสาหกรรม กับ PM2.5

อะไหล่คอมเพรสเซอร์ มีอะไรบ้าง ?

การประยุกต์ใช้การแช่แข็งอุณหภูมิต่ำพิเศษในอุตสาหกรรมอาหาร

สารทำความเย็นที่ถูกนำมาใช้มากที่สุด

เคล็ดลับเปิดแอร์หน้าหนาวนี้ 2566

CCUS กับวันที่คาร์บอนมีประโยชน์

ล้างระบบทำความเย็นด้วยน้ำยา R-141b

วิธี "เก็บสารทำความเย็น" อย่างปลอดภัย

การเปลี่ยนแปลงของสีถังน้ำยาแอร์

การบำรุงรักษาเชิงป้องกันกับการใช้งาน Compressor

วงจรสารทำความเย็นคืออะไร ?

ระบบทำความเย็นต้องการสารทำความเย็นมากแค่ไหน ?

ตรวจสอบฉลากกับน้ำยาแอร์รถยนต์

วิวัฒนาการของสารทำความเย็น

สารทำความเย็นในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม

คุณสมบัติที่ดีของน้ำมันคอมเพรสเซอร์

ขั้นตอนการเปลี่ยน น้ำมันคอมเพรสเซอร์

ห้องเย็น ต้องเย็นแค่ไหน ?

การตรวจสอบความปลอดภัยถังดับเพลิง

เตรียมพร้อมรับสารทำความเย็นประเภทติดไฟ (A2L,A3)

5 ปัญหาเกี่ยวกับสารทำความเย็นที่พบบ่อยที่สุด

สารทำความเย็น HCFC

สารทำความเย็นธรรมชาติ (HC)

สารทำความเย็น HFC

สารทำความเย็น HFO

การจัดการสารทำความเย็น 2023

สารทำความเย็นทดแทน R410a

5 เคล็ดลับช่วย(ตู้)เย็นแบบประหยัดตลอดหน้าร้อน

ใช้ "สารทำความเย็นไวไฟ" อย่างไร ? ให้ปลอดภัย

ประเภทความเป็นพิษและการติดไฟของสารทำความเย็น

การใช้สารทำความเย็นไฮโดรคาร์บอน (HCs) ในระบบทำความเย็นและปรับอากาศ

สารทำความเย็นไฮโดรคาร์บอน (HCs) ตอนที่ 1

ร้อนนี้เปิดแอร์อย่างไร ให้ค่าไฟไม่พุ่ง

ประเภทน้ำยาแอร์กับระบบปรับอากาศรถยนต์

ประเภทของสารดับเพลิงและการใช้งาน

แนวโน้มเทรนด์ HVACR ในปี 2023

อันตรายจากสารทำความเย็นคุณภาพต่ำ

สารทำความเย็นที่ใช้ใน Heat Pump