แผยแพร่เมื่อ 11 มิถุนายน 2566

HFO ย่อมาจาก Hydrofluoroolefin ซึ่งเป็นสารทำความเย็นสังเคราะห์ชนิดหนึ่งที่ได้รับการออกแบบให้มีศักยภาพในการทำให้โลกร้อน (GWP) ต่ำกว่าสารทำความเย็นประเภทไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFC) ผลิตขึ้นโดยการรวมอะตอมของไฮโดรเจน ฟลูออรีน และคาร์บอนเข้าด้วยกันในการจัดเรียงเฉพาะเพื่อสร้างโมเลกุลที่มีคุณสมบัติทางอุณหพลศาสตร์ที่พึงประสงค์และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่ำ

โดยปกติสารทำความเย็น HFO จะมีค่า GWP น้อยกว่า 10% ของสารทำความเย็น HFC แบบดั้งเดิม ซึ่งอาจมีค่าตั้งแต่หลายร้อยถึงหลายพัน ทำให้สารทำความเย็น HFO เป็นตัวเลือกสำหรับอนาคตที่น่าสนใจสำหรับระบบทำความเย็นและระบบปรับอากาศที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

• สารทำความเย็น R454B
GWP : 466
Application : R410A Replacement
Preferred Oil : POE
ASHRAE Class : A2L
Composition : 31.1% R1234yf, 68.9% R32
Replaces Refrigerant : R410A

R454B เป็นสารทำความเย็นประเภทไฮโดรฟลูออโรโอเลฟิน (HFO) ใช้ในระบบปรับอากาศและระบบทำความเย็น หรือทดแทน R410A ในอุปกรณ์ใหม่ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในทางเลือกที่มี GWP ต่ำที่สุดที่มีอยู่ (466) ของโซลูชันใกล้เคียงทั้งหมด โดยลดลง 78% เมื่อเทียบกับ R410A และยังเหนือกว่าในด้านความจุและประสิทธิภาพในบางกรณีอีกด้วย ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงระบบปรับอากาศสำหรับที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ เครื่องทำความเย็น

R454B เป็นสารทำความเย็นที่ไม่เป็นพิษ แต่จัดเป็นสารไวไฟเล็กน้อย (A2L) ช่วยให้สามารถชาร์จได้ในปริมาณที่สูงกว่าสารทำความเย็นที่ติดไฟได้อื่นๆ และสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยโดยปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยที่บังคับใช้

• สารทำความเย็น R454C
GWP : 148
Application : R404A Replacement
Preferred Oil : POE
ASHRAE Class : A2L
Composition : 78.5% R1234yf, 21.5% R32
Replaces Refrigerant : R404A

R454C เป็นสารทำความเย็นประเภทไฮโดรฟลูออโรโอเลฟิน (HFO) ที่มี GWP ต่ำ ที่ใช้แทน R404A และ R22 ด้านประสิทธิภาพของ สารทำความเย็น R454C นั้นมีความใกล้เคียงกับเทคโนโลยีที่ใช้ R22 แต่ก็เป็นโซลูชันที่เหมาะสมสำหรับอุปกรณ์ R404A ซึ่งช่วยให้นำไปใช้กับอุปกรณ์ใหม่ได้ง่ายและประหยัดต้นทุนโดยไม่ต้องดัดแปลงอะไรมากมาย และยังมี GWP ลดลง 148 - 96% เมื่อเทียบกับ R404A

แต่จัดเป็นสารไวไฟเล็กน้อย (A2L) ช่วยให้สามารถชาร์จได้ในปริมาณที่สูงกว่าสารทำความเย็นที่ติดไฟได้อื่นๆ และสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยโดยปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยที่บังคับใช้

• สารทำความเย็น R513A
GWP : 631
Application : R134A Replacement
Preferred Oil : POE/PAG
ASHRAE Class : A1
Composition : 56% R1234yf, 44% R134a
Replaces Refrigerant : R134A

สารทำความเย็น R513A เป็นสารทำความเย็นประเภทไฮโดรฟลูออโรโอเลฟิน (HFO) ที่มีศักยภาพในการทำให้โลกร้อน (GWP) ต่ำ ใช้ทดแทน R134a เหมาะสำหรับระบบใหม่และแบบติดตั้งเพิ่มเติมในระบบที่มีอยู่ ให้ความจุและประสิทธิภาพพลังงานที่ยอดเยี่ยมเทียบเท่ากับ R134a . สารทำความเย็น R513A ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ใน ระบบปรับอากาศยานยนต์ เครื่องทำความเย็น อุณหภูมิปานกลางในเชิงพาณิชย์ ชิลเลอร์ และปั๊มความร้อน นอกจากการใช้งานที่หลากหลาย R513A ถูกจัดอยู่ในความปลอดภัยระดับ A1 ซึ่งเป็นสารทำความเย็นที่ไม่เป็นพิษและไม่ติดไฟ ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

• สารทำความเย็น R449A
GWP : 1397
Application : R404A Replacement
Preferred Oil : POE
ASHRAE Class : A1
Composition : 25/7% R134a, 25.3% R1234yf, 24.7% R125, 24.3% R32
Replaces Refrigerant : R404A

สารทำความเย็น R449A สามารถใช้ทดแทน R-404A และ R-507 ในระบบทำความเย็นใหม่และติดตั้งเพิ่มเติม เป็นสารทำความเย็นผสม HFC+HFO จัดประเภทความปลอดภัยในระดับ A1 (ไม่ติดไฟ) มีค่า GWP = 1397 ซึ่งต่ำกว่าสารทำความเย็นอื่นๆ ที่ใช้กันทั่วไป เช่น R404a ที่มี GWP = 3922

สามารถใช้งานได้หลากหลาย เนื่องจากให้ประสิทธิภาพการทำความเย็นที่คล้ายคลึงกัน ในขณะที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า ซึ่งที่ผ่านมา สารทำความเย็นอย่าง R404A ถูกนำมาใช้ในซุปเปอร์มาร์เก็ตและการใช้งานเครื่องทำความเย็นเชิงพาณิชย์

สำหรับการใช้งาน R449A สามารถใช้งานในเครื่องทำความเย็นเชิงพาณิชย์ที่อุณหภูมิต่ำถึงปานกลางได้หลากหลาย เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ห้องเย็น ตู้โชว์ ตู้แช่เย็น ตู้แช่แข็ง และคอนเดนซิ่งยูนิตในตัว โดยสามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 2-3% ที่อุณหภูมิต่ำ และลดลง 8-11% ที่อุณหภูมิปานกลาง เมื่อเทียบกับ R404A

• สารทำความเย็น R452A
GWP : 2140
Application : Refrigerated Transport Preferred Oil : POE
ASHRAE Class : A1
Composition : 11% R32, 59% R125, 30% R1234yf
Replaces Refrigerant : R404A, R134a, R507A

R452A ได้รับการพัฒนาเพื่อใช้แทนสารทำความเย็น R404A ในการทำความเย็นสำหรับการขนส่ง และการทำความเย็นอุณหภูมิต่ำถึงปานกลาง ถูกจัดประเภทโดย Ashrae เป็นความปลอดภัยระดับ A1 หรือ ไม่ติดไฟ สามารถนำมาใช้เพื่อดัดแปลงระบบที่มีอยู่ได้

แม้ว่า GWP ของ R452A ลดเหลือเกือบครึ่งของ R404A แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับปานกลางสำหรับปัจจุบัน ดังนั้นอาจเป็นตัวเลือกสารทำความเย็นทดแทนได้ในระยะสั้น และไม่สามารถทดแทนได้ในระยะยาว

• สารทำความเย็น R514A
GWP : 2
Application : R123 Replacement
Preferred Oil : POE
ASHRAE Class : B1
Composition : 74.7% HFO-1336mzz-Z, 25.3% trans-1,2-dichloroethylene (t-DCE)
Replaces Refrigerant : R123

สารทำความเย็นไฮโดรฟลูออโรโอเลฟิน (HFO) ถูกพัฒนาเพื่อใช้ทดแทน R-123 เหมาะสำหรับระบบใหม่และระบบติดตั้งเพิ่มเติม โดยมีความสมดุลทั้งเรื่องของคุณสมบัติ รวมถึงประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูง และความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมี GWP ต่ำมาก ลดลงถึง 97% เมื่อเทียบกับ R-123

สารทำความเย็น R514A เป็นสารทำความเย็นที่ไม่ติดไฟ แต่จัดอยู่ในประเภท B1 (มีพิษ) ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ในเครื่องทำความเย็นแบบแรงเหวี่ยงที่มีแรงดันต่ำในอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ R514A ซึ่งเป็นสารทำความเย็นแรงดันต่ำ หากท่อสำหรับสารทำความเย็นเกิดการรั่วไหลขึ้น สารทำความเย็นจะไม่รั่วออกมาภายนอกท่อ เพราะภายนอกท่อมีแรงดันที่สูงกว่าภายใน จึงไม่เกิดอันตรายต่อบุคคลในบริเวณโดยรอบ

• สารทำความเย็น R1234yf
GWP : 4
Application : Auto A/C
Preferred Oil : PAG
ASHRAE Class : A2L
Composition : 100% R1234yf
Replaces Refrigerant : R134a

R1234yf สารทำความเย็นไฮโดรฟลูออโรโอเลฟิน (HFO) ที่มี GWP ต่ำมาก ใช้แทนที่ R134a ในระบบเครื่องปรับอากาศรถยนต์ที่เริ่มใช้ในรถยนต์รุ่นใหม่ในบางรุ่น ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2011 และรถยนต์ใหม่ทั้งหมดที่ผลิตในยุโรปตั้งแต่ มกราคม 2017 (รถยนต์ใหม่ทุกคันที่ผลิตในยุโรปจะไม่สามารถใช้สารทำความเย็นที่มีค่า GWP >150 ได้อีกต่อไป)

ก่อนหน้านี้ สารทำความเย็น R134a มีค่า GWP อยู่ในระดับต่ำถึงปานกลาง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับ HFC อื่นๆ ปัญหาหลักคือปริมาณก๊าซที่ออกจากรถยนต์ทุกปีแต่สารทำความเย็น R1234yf มีคุณสมบัติ "ติดไฟเล็กน้อย" ซึ่งจัดอยู่ในประเภทสารทำความเย็น A2L ถึงอย่างนั้นก็ตาม สารทำความเย็นที่ได้มาตรฐาน จะถูกผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดโดยผู้ผลิตรถยนต์และหน่วยงานในอุตสาหกรรมด้านความปลอดภัย โดยได้รับการจำแนกเป็นหมวดหมู่ว่าปลอดภัยสำหรับใช้ในรถยนต์ได้ในระยะยาว

• สารทำความเย็น R1234ze
GWP : 7
Application : Chillers
Preferred Oil : POE
ASHRAE Class : A2L
Composition : 100% R1234ze
Replaces Refrigerant : R134a

สารทำความเย็น R1234ze เป็นอีกหนึ่งสารทำความเย็นที่มีคุณสมบัติการใช้งานที่หลากหลาย เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต อาคารพาณิชย์ ปั๊มความร้อน ตู้เย็น ตู้แช่ ฯลฯ

จากการทดสอบที่ผ่านมา สารทำความเย็น R1234ze ใช้พลังงานลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับโพรเพน (R-290) นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับสารทำความเย็นแบบดั้งเดิมแล้ว คุณสมบัติและลักษณะการทำงานของ 1234ze นั้นคล้ายคลึงกัน แต่ไม่มีการรับรอง PCA HFCs สูงต่อสิ่งแวดล้อม

หากมีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เพื่อชดเชยการสูญเสียความสามารถในการทำความเย็นใหม่ที R1234ze จะให้ประสิทธิภาพพลังงานและค่าสัมประสิทธิ์ของประสิทธิภาพ (COP) ที่ดีกว่า R134a ในการใช้งานและเงื่อนไขที่หลากหลาย และจากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านคอมเพรสเซอร์ ประสิทธิภาพของสารทำความเย็น HFO สามารถปรับปรุงได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หากออกแบบคอมเพรสเซอร์ให้เหมาะสม

สรุป สารทำความเย็น HFO ส่วนใหญ่มักใช้ส่วนผสมกับสารทำความเย็นอื่นๆ เช่น HFCs หรือ HFO ตัวอื่น เพื่อสร้างสารทำความเย็นที่มีคุณสมบัติและลักษณะการทำงานเฉพาะ ปริมาณเฉพาะของส่วนผสมของสารทำความเย็น HFO จะขึ้นอยู่กับส่วนผสมเฉพาะที่ใช้

ในปัจจุบัน มีแนวโน้มในการลด และยกเลิกการใช้สารทำความเย็นที่มี GWP สูง และราคาของสารทำความเย็นประเภท HFC ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากมีการผลิตที่น้อยลง ทำให้ผู้ผลิตต้องมองหาโซลูชันทางเลือกใหม่ให้กับอุตสาหกรรม และธุรกิจ จากแผนการลดใช้สารทำความเย็น HFCs ในอนาคต ที่ทั่วโลกต่างมีวัตถุประสงค์ในการลดการใช้สารทำความเย็นประเภทนี้ถึง 80-85%

สารทำความเย็นประเภท HFO จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ประกอบการที่มีความน่าสนใจ ในการตอบสนองทุกความต้องการของอนาคต เพราะหากเป้าหมายการลดสารทำความเย็น HFC สำเร็จ ผลลัพธ์ที่ดีนอกจากจะส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและอนาคตแล้ว ยังส่งผลดีกับผู้ใช้ ทั้งในเรื่องการประหยัดพลังงาน ลดต้นทุนด้วยการติดตั้งอุปกรณ์ระบบใหม่ที่สามารถใช้ได้ในระยะยาวอีกด้วยค่ะ

ดูสารทำความเย็น HFO ทั้งหมด

สารทำความเย็นที่จัดจำหน่ายในนามของเรา มีหลายแบรนด์ หลายขนาด และราคา สามารถติดต่อเราเพื่อรับใบเสนอราคา หรือรับข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเลือกสารทำความเย็นให้เหมาะกับแอพพลิเคชั่นของคุณได้ที่ :

Line id : @Colder
Email : kantawan.coldersolution@gmail.com