แผยแพร่เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2565
สารทำความเย็นถูกใช้ในครัวเรือน ไปจนถึงระบบอุตสาหกรรม และระบบทำความเย็นในรถยนต์ ทำความเย็นโดยดูดซับความร้อนจากสิ่งแวดล้อมโดยรอบ
• น้ำยาแอร์ทำงานอย่างไร ?
สารทำความเย็นมีบทบาทสำคัญในวงจรระบบทำความเย็น โดยจะเปลี่ยนจากสถานะก๊าซเป็นของเหลวและย้อนกลับตลอดกระบวนการทำความเย็น โดยเครื่องปรับอากาศประกอบด้วยคอมเพรสเซอร์ คอนเดนเซอร์ และคอยล์เย็น สารทำความเย็นจะเคลื่อนที่ผ่านบริเวณเหล่านี้ เปลี่ยนจากก๊าซเป็นของเหลวและหมุนเวียนอีกครั้ง
สารทำความเย็น หรือน้ำยาแอร์ ทำงานในระบบปิด แต่ในกรณี ที่สารทำความเย็นนั้นถูกใช้เป็นเวลาหลายปี อาจมีปัญหาในการทำงานของระบบทำความเย็น อย่างเช่น น้ำยาแอร์รั่ว นอกจากจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ น้ำยาที่รั่วออกมายังส่งผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศอีกด้วย
ประเภทของสารทำความเย็นในเครื่องปรับอากาศ ตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบัน
• R12
R12 เป็นสาร CFC หรือ คลอโรฟลูออโรคาร์บอน ที่ถูกผลิตขึ้นมาเป็นจำนวนมากทั่วโลก และแพร่หลายอย่างรวดเร็วในอดีต คนทั่วโลกใช้สาร CFCs เป็นสารทำความเย็นสำหรับการใช้งานหลายประเภท ตั้งแต่การเก็บอาหาร และการควบคุมสภาพอากาศภายในอาคาร ไปจนถึงใช้สารเคมีสำหรับกระป๋องสเปรย์ การผลิตโฟม และสารทำความสะอาดอีกด้วย
แต่ด้วยความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม สาร CFCs มีคุณสมบัติทำลายชั้นโอโซนเป็นอย่างมาก โดยพื้นฐานแล้ว โมเลกุลของโอโซนจะล้อมรอบโลกในชั้นบรรยากาศชั้นบน มีหน้าที่ดูดซับรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์บางส่วนเพื่อปกป้องพื้นผิวโลก และสิ่งมีชีวิต รวมไปถึงมนุษย์ การที่โมเลกุลของ CFC ไปถึงชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์มาหลายทศวรรษ รัฐบาลต่างๆ จึงเริ่มเลิกใช้สาร CFCs ทั้งการผลิตและการใช้งานในปี 1994
• R22
R22 เป็นสาร HCFC หรือ สารทำความเย็นไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อทดแทนน้ำยา R12 สาร HCFCs ถูกพัฒนาขึ้นจากสาร CFCs ที่ประกอบด้วยคลอรีน ฟลูออรีน และคาร์บอน โดยมีสารทำประกอบไฮโดรเจนเพิ่มขึ้นมา แม้สาร HCFCs ยังคงอยู่ในชั้นบรรยากาศ แต่ด้วยระยะเวลาที่สั้นกว่า และมีโอกาสทำลายชั้นโอโซนน้อยกว่ามาก สาร HCFCs จึงเป็นสารทดแทน CFCs ชั่วคราว ปัจจุบันได้มีคำสั่งให้เลิกใช้ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2010 เนื่องจากพระราชบัญญัติอากาศสะอาด
• R410A
R410A สาร HFC สารทำความเย็นไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFCs) ซึ่งถูกมองว่าปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า R22 มีค่า GWP อยู่ที่ 2,090 หมายความว่าหากปล่อย 1 กิโลกรัมสู่ชั้นบรรยากาศ จะมีผลกระทบ 2,090 เท่าของคาร์บอน 1 กิโลกรัม แต่มีค่า ODP เท่ากับ 0
น้ำยาแอร์ R410A ถูกนำมาใช้มากที่สุดในระบบทำความเย็น ด้วยเหตุผลหลายประการ อย่างเช่น R-410A ทำงานที่ความดันสูงกว่าสารทำความเย็นอื่นๆ ทำให้มีประสิทธิภาพพลังงานที่ดีกว่ามาก คอมเพรสเซอร์สามารถทนต่อแรงสั่นสะเทือนได้มาก ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น และปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า R22
• R32
R32 เป็นสารทำความเย็น HFC อีกประเภทหนึ่ง ที่ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศหลายรายเลือกใช้ ด้วยเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงาน ประสิทธิภาพ และความปลอดภัย เมื่อเปรียบเทียบกับ R410A แล้ว R32 มี GWP ที่ 675 ซึ่งต่ำกว่าประมาณ 30% สารทำความเย็นทั้งสองมีค่า ODP เท่ากับ 0
และด้วยข้อดีของน้ำยาแอร์ R32 ในระบบแอร์ ยังใช้สารทำความเย็นในระบบน้อยลงถึง 20% ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น แม้จะใช้กันยังไม่แพร่หลายด้วยเหตุผลทางด้านของระดับความปลอดภัย ที่จัดประเภทไว้ที่ A2L ก็ตาม แต่อนาคตของสารทำความเย็นประเภทนี้ยังอยู่ได้อีกยาวนาน เนื่องจากประเทศต่างๆ เช่น ญี่ปุ่น (ที่มีข้อบังคับเรื่องความปลอดภัยสูงมาก) และจีนได้ริเริ่มนำไปใช้แล้ว
ที่เหลือจึงเป็นเพียงเรื่องของเวลาในการยอมรับของทั่วโลก รวมถึงทั้งในประเทศไทย โดยมีรายงานของสหรัฐฯ แนะนำว่าครึ่งหนึ่งของเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ที่ขายในปี 2018 จะต้องใช้น้ำยาแอร์ R32
ข้อเปรียบเทียบน้ำยาแอร์บ้าน R22,R410A,R32
• ถึงเวลาสำหรับการเปลี่ยนแปลง ?
ทั้งนี้กระแสการเลิกใช้น้ำยา R-22 ที่เกิดขึ้น รวมไปถึงการลดใช้สารทำความเย็น HFCs ด้วยเหตุผลในการลดผลกระทบที่มีต่อชั้นโอโซนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีหลายภาคีร่วมมือกัน โดยตั้งธงการลดใช้ถึง 80% ในปี 2047
แม้จะมีผลดีกับสิ่งแวดล้อมมากเพียงใด เราก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาควบคู่กับความปรารถนาที่จะควบคุมมลพิษต่อสภาวะแวดล้อม อาจส่งผลกระทบต่อการต้องเปลี่ยนแปลงระบบ HVAC หรือระบบปรับอากาศ และทำความเย็นของผู้บริโภคในอนาคต
สิ่งสำคัญคือผู้บริโภคต้องเข้าใจว่า สารเคมีเหล่านี้ทำงานอย่างไร ? และมีตัวเลือกใดที่ดีที่สุด สำหรับเครื่องปรับอากาศ และการใช้งานของคุณ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ อาจบ่งชี้ว่า ถึงเวลาที่เครื่องปรับอากาศของคุณต้องได้รับการอัปเกรดแล้ว
การเปลี่ยนแปลงระบบน้ำยาแอร์ใหม่ ในเครื่องปรับอากาศนั้นมีเงื่อนไขที่เข้ากันไม่ได้หลายประการ ด้วยเหตุผลขององค์ประกอบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของเครื่องปรับอากาศ แต่ในกรณีส่วนใหญ่การอัปเกรด หรือซื้อเครื่องใหม่นั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะเครื่องปรับอากาศระบบสมัยใหม่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน มีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่น้อยกว่า และสามารถเข้ากันได้กับน้ำยาแอร์รุ่นใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภค ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในระยะยาว และก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง
และในทางด้านผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศและทำความเย็น ที่จำเป็นต้องออกผลิตภัณฑ์ใหม่ รองรับอนาคต และกฎหมาย ไปจนถึงนโยบายเลิกใช้สารทำความเย็นที่มี GWP สูง อย่าง Carrier ที่ออกมาประกาศว่าตั้งแต่ปี 2023 ระบบ HVAC สำหรับที่อยู่อาศัยทั้งหมดในฝั่งอเมริกาเหนือ จะเริ่มใช้สารทำความเย็นใหม่อย่างน้ำยา R-454b
หรือ ไดกิ้น (Daikin) ที่มีการรณรงค์ให้ใช้สารทำความเย็น R-32 อีกทางเลือกที่มี GWP ต่ำ ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องปรับอากาศหลายยี่ห้อ ที่สามารถใช้น้ำยาแอร์ R32 ทดแทนสารทำความเย็นระบบเก่า และยังมีสารทำความเย็นทางเลือกอื่น ๆ ที่คุณสมบัติตรงตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อมใหม่ ที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา เช่น R-466a ที่เป็นตัวเลือกของสารทำความเย็น GWP ต่ำ และไม่ติดไฟ
Colder Solution ขอเป็นส่วนหนึ่งในการหาสมดุลการเลือกใช้อุปกรณ์ทำความเย็น และสารทำความเย็นที่ดี ไม่ว่าจะเป็นราคา ต้นทุน ความปลอดภัย ประสิทธิภาพและความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกับทุกคน
และพร้อมส่งต่อความมั่นใจในมาตรฐานของสารทำความเย็นทุกแบรนด์ที่จำหน่ายในนามเรา ทั้งในเรื่องของคุณภาพและความปลอดภัยและมีทางเลือกที่หลากหลายในใช้สารทำความเย็นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีค่า GWP ต่ำ แต่ให้ประสิทธิภาพสูง เพื่อให้เราก้าวไปสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยกัน ในโลกที่ยั่งยืน
หากต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับระบบทำความเย็น รวมถึงเลือกสารทำความเย็นให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ เพื่อคุณภาพสูงสุด ปรึกษาเราได้ที่
Line Official Account : @Colder
✉ Email : kantawan.coldersolution@gmail.com
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อนำเสนอเนื้อหาและโฆษณา
คลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม ‘นโยบายคุกกี้’
Website Policy | Privacy Policy | Copyright 2021