แผยแพร่เมื่อ 12 สิงหาคม 2565
ประโยชน์ของการตรวจสอบ และบำรุงรักษาคอมเพรสเซอร์เป็นประจำ :
• หลีกเลี่ยงการหยุดทำงานของอุปกรณ์โดยไม่จำเป็น
• ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม
• สามารถควบคุมกำหนดการบำรุงรักษาล่วงหน้าได้ โดยไม่รบกวนเวลาปฏิบัติงาน
• ต้นทุนพลังงานลดลง
• เพิ่มประสิทธิภาพและวงจรชีวิตของอุปกรณ์
• ป้องกันการทำให้การเสียหายรุนแรงนอกเหนือการรับประกัน
• เพิ่มความปลอดภัยให้กับธุรกิจ และบุคลากรของคุณ
การตรวจสอบการบำรุงรักษาเชิงป้องกันของคอมเพรสเซอร์ที่สำคัญที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่:

1. ช่องระบายอากาศ (Intake Vents) สภาพแวดล้อมอาจทำให้ ช่องระบายอากาศสามารถอุดตันด้วยฝุ่นและสิ่งสกปรกได้ง่าย การตรวจสอบช่องระบายอากาศเข้า-ออก ควรทำเป็นประจำ เพื่อให้ชิ้นส่วนภายในของอุปกรณ์ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยไม่เกิดความร้อนสูงเกินไป
2. แผ่นกรองอากาศ (Air Filters) คอมเพรสเซอร์ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และผลิตอากาศบริสุทธิ์ได้ หากตัวกรอง หรือฟิลเตอร์สกปรก แผ่นกรองอากาศจะเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป จึงจำเป็นต้องทำความสะอาดหรือเปลี่ยนตามเวลาที่กำหนด
3. ท่อ (Pipe) การตรวจสอบการอุดตันของท่อ และการปนเปื้อน ไม่ว่าจะเป็นสนิม ฝุ่น เศษขยะ หรือสิ่งสกปรกที่ทำให้เกิดการอุดตัน และมีผลกระทบให้วาล์วแรงดันลดลง และส่งผลให้คอมเพรสเซอร์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ รวมไปถึงค่าไฟ และพลังงานที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้คอมเพรสเซอร์ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ทำงานหนักมากขึ้น เพื่อประสิทธิภาพเท่าเดิม
4. การควบแน่นของคอมเพรสเซอร์ (Compressor Condensation) ในกระบวนการทำความเย็นของคอมเพรสเซอร์ ความชื้นจะถูกนำออกในกระบวนการการทำความเย็น ทำให้เกิดการควบแน่น ซึ่งอาจจะรบกวนคุณภาพของอากาศที่ผลิตออกมาได้ และทำให้เกิดสนิมในอุปกรณ์ ที่ส่งผลให้วงจรไฟฟ้าภายในเสียหาย การควบแน่นที่มากเกินไปอาจเกิดจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ความชื้นและอุณหภูมิ ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ช่างเทคนิคจำเป็นต้องพิจารณาเมื่อทำการบำรุงรักษาคอมเพรสเซอร์
5. การสูญเสียความดัน (Pressure Loss) หากมีแรงดันตกมากกว่า 10% คอมเพรสเซอร์จะรับภาระเกินความจำเป็น เมื่อคอมเพรสเซอร์ของคุณอยู่ภายใต้สภาวะดังกล่าว จะส่งผลให้เกิดการสึกหรอ และจำเป็นต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนก่อนที่จะมีปัญหาที่ใหญ่กว่าเกิดขึ้น
6. น้ำมันหล่อลื่น (Lubricant) อีกหนึ่งกุญแจสำคัญในการทำงานของคอมเพรสเซอร์ เพื่อการทำงานที่ราบรื่นของชิ้นส่วนประกอบภายในของคอมเพรสเซอร์และ ทำให้เกิดการสึกหรอน้อยที่สุด ควรเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นทุก 3-6 เดือน เพื่อหลีกเลี่ยงการกัดกร่อน ที่เกิดขึ้นกับข้อต่อ ที่อุปกรณ์ ที่ส่งผลให้เกิดสนิมได้
7. ตัวกรองน้ำมันเครื่อง (Oil Filter) คุณไม่ควรปล่อยให้คอมเพรสเซอร์ทำงานโดยไม่มีน้ำมันและตัวกรองที่ถูกต้อง ควรเปลี่ยนตัวกรองตามกำหนด หรือ 4,000-8,000 ชั่วโมง เพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนของน้ำมันภายใน
8. ตลับลูกปืน (Motor Bearings) ต้องแน่ใจเสมอว่าตลับลูกปืน มีจาระบีเพียงพอ เพื่อให้มอเตอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หากไม่มีการหล่อลื่นเพียงพอ ตลับลูกปืนอาจมีการติดขัดได้
9.สายพาน (Belts)
การตรวจสอบสายพานเป็นอีกหนึ่งในขั้นตอนการตรวจสอบการบำรุงรักษาคอมเพรสเซอร์ที่สำคัญ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายของคุณได้ในระยะยาว ความตึงของสายพานที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญในการทำงานที่ราบรื่น
นอกจากนี้ยังมีข้อพิจารณาอื่นๆ เล็กน้อย เช่น:
• ตรวจสอบการรั่วไหลของน้ำมัน/อากาศ
• ระดับน้ำมัน
• แรงดันไฟฟ้า
• อุณหภูมิ
• แอมป์และแรงดัน
• เครื่องเป่าลม
• แรงสั่นสะเทือน
• คูลเลอร์ (Coolers)
หากกำหนดการบำรุงรักษา และตรวจสอบคอมเพรสเซอร์อยู่เสมอ จะทำให้เราเจอปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่จะเกิดขึ้นเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตได้เร็วกว่า และสามารถลดเวลาหยุดทำงานของอุปกรณ์ให้เหลือน้อยที่สุดได้
ตารางการบำรุงรักษาคอมเพรสเซอร์ ที่วางแผนไว้ล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบรายวัน รายเดือน หรือรายปี จำทำให้ธุรกิจ และอุตสาหกรรมความเย็นของคุณเดินหน้า อย่างไม่มีสะดุด กว่าการเสียเวลาเพื่อซ่อมแซม
แล้วแต่ละอย่างควรได้รับการตรวจสอบในความถี่แค่ไหน ? ติดตามได้ในบทความ ขั้นตอนตรวจสอบการบำรุงรักษาคอมเพรสเซอร์ ตอนที่ 2 ค่ะ
Colder Solution ผู้นำด้านการนำเข้าสารทำความเย็นคุณภาพทุกยี่ห้อ Orafon,Honeywell,Klea,DuPont,Daikin ฯลฯ คอมเพรสเซอร์ รวมถึงอะไหล่ Danfoss และอื่นๆ อาทิเช่นน้ำมันหล่อลื่นเกรดคุณภาพ
หากต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับระบบทำความเย็น รวมถึงเลือกสารทำความเย็นให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ เพื่อคุณภาพสูงสุด ปรึกษาเราได้ที่
Line Official Account : @Colder
✉ Email : kantawan.coldersolution@gmail.com
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อนำเสนอเนื้อหาและโฆษณา
คลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม ‘นโยบายคุกกี้’
Website Policy | Privacy Policy | Copyright 2021