แผยแพร่เมื่อ 26 กรกฎาคม 2565

ตู้เย็นควรมีอุณหภูมิเท่าไร และชั้นวางไหนดีที่สุดสำหรับอาหารประเภทใด นี่คือคู่มือในการใช้ประโยชน์จากตู้เย็นของคุณให้ดีที่สุด

การเก็บอาหารแช่เย็นด้วยอุณหภูมิตู้เย็น หรือตู้แช่ที่เหมาะสม จะช่วยให้อาหารมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้นและคงความสด คุณภาพ และคุณค่าทางโภชนาการ

จากสถิติ 75% ของผู้ใช้ ตั้งค่าตู้เย็นให้อุณหภูมิสูง หรืออุ่นเกินไป การใช้ความเย็นที่เหมาะสมจะสามารถลดอาหารขยะได้ถึง 4.2 ล้านตันต่อปีอีกด้วยค่ะ

• ตู้เย็นของคุณควรมีอุณหภูมิเท่าไร ? อุณหภูมิโดยรวมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตู้เย็นในครัวเรือนคือระหว่าง 0°C ถึง 4°C และ -17°C ถึง -19°C ในส่วนของช่องแช่แข็ง

อุณหภูมิตู้เย็นที่เหมาะสม จะสามารถเก็บอาหารด้วยการทำความเย็นและรับประทานได้อย่างปลอดภัยเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ โดยชะลอการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ช่องแช่แข็งสามารถเก็บอาหารให้สดและยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้นานหลายเดือน

• ชั้นวางไหนเหมาะกับอาหารประเภทไหนมากที่สุด ?

• ช่องแช่แข็ง (Freezer Compartment) : (-17 ถึง -23°C) สำหรับเนื้อดิบ ไอศกรีม น้ำแข็ง อาหารแช่แข็ง เป็นต้น สามารถเก็บความเย็นได้ยาวนาน ในกรณีไฟดับ หลีกเลี่ยงการเปิดฝาส่วนช่องแช่แข็ง อาหารของคุณจะยังคงความสดโดยที่ไม่ได้ใช้พลังงานเลย ถึง 4 ชม. ทีเดียว

• ช่องแช่เย็น (Chiller Drawer) : (3 ถึง -3°C) เป็นโซนตู้เย็นที่เย็นที่สุด ติดกับช่องแช่แข็ง เหมาะสำหรับพักเนื้อสัตว์ที่ต้องละลายน้ำแข็งจากช่องแช่แข็ง หรือเหมาะกับการพักเนื้อสัตว์หมัก 2-3 ชั่วโมงก่อนปรุงอาหาร ควรจัดเก็บไว้ในบริเวณนี้ ด้วยบรรจุภัณฑ์ที่แน่นหนา และในภาชนะที่มีฝาปิดสนิท โยเกิร์ต นม หรือชีส ก็สามารถคงความสดไว้ได้ในโซนนี้

• ลิ้นชักผัก-ผลไม้ (Crisper) : (2°C) เป็นลักษณะแบบช่องปิดเพียงส่วนเดียวของตู้เย็น ลิ้นชักผักผลไม้จึงมีความชื้นมากที่สุด เหมาะสำหรับผลไม้และผัก ที่เจริญเติบโตได้ดีเมื่อมีความชื้นเล็กน้อยในอากาศ

ผักผลไม้ที่ยังไม่ได้ล้าง จะสามารถเก็บไว้ได้นานกว่า เพราะน้ำสามารถส่งทำให้เชื้อราและแบคทีเรียเติบโตได้ดี เมื่อผลไม้สุก มักจะปล่อยสารเอทิลีน ซึ่งทำให้ผักที่ใส่รวมกันเน่าเสียได้ ดังนั้นจึงควรเก็บผลไม้และผักไว้ในลิ้นชักแยกกัน หรือใส่กล่องที่ปิดมิดชิด

• ข้างประตูตู้เย็นส่วนบน (Top of the door) : (4°C) สำหรับผลิตภัณฑ์จากนม เช่น เนยและชีส ไม่จำเป็นต้องแช่เย็นจัด เมื่อเปิดแล้วควรเก็บไว้ในภาชนะที่ปิดสนิทเพื่อป้องกันไม่ให้แบคทีเรียก่อตัว

• ข้างประตูตู้เย็นส่วนบน (Bottom of the door) : (3-4°C) ซอสปรุงรส มายองเนส ซอสมะเขือเทศ มัสตาร์ด น้ำส้ม น้ำสลัด ซอสต่างๆ สามารถเก็บไว้ได้ในที่อุณหภูมิสูงได้

• ส่วนกลางตู้เย็น (Refrigerator Compartment) : (2-3°C) ส่วนกลางของตู้เย็นคือบริเวณที่มีอุณหภูมิคงที่ที่สุด โดยอยู่ห่างจากคอยล์เย็นและประตู เหมาะสำหรับ ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป อาหารพร้อมรับประทาน และไข่ ไข่ดิบที่มีไข่แดงมีความเปราะบาง และไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ

คุณสมบัติของไข่สดสามารถดูดซับ และขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในอากาศได้ รวมไปถึงเนื้อสัตว์หมัก หรืออาหารที่เตรียมไว้ก่อนนำไปปรุงในระยะสั้น และผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปอื่นๆ ที่ไม่ต้องการการทำความเย็นสูง

และการเก็บเครื่องดื่มอื่นๆ เช่น ไวน์ ปกติแล้วอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเก็บไวน์คือ 5-7c ดังนั้นในทางเทคนิคแล้ว ตู้เย็นจะมีความเย็นเกินไปสำหรับเก็บไวน์เล็กน้อย เหมาะสำหรับชั้นแช่เย็นบนสุดในส่วนกลาง ที่อยู่ห่างจากคอยล์เย็น ที่มีแรงสั่นสะเทือน ที่อาจจะส่งผลเสียต่อรสชาติของไวน์ และควรเก็บไวน์ด้วยลักษณะแนวนอน

• การจัดการอุณหภูมิให้เหมาะสมกับวัตถุดิบ แบคทีเรียเติบโตและทวีคูณอย่างรวดเร็วในอุณหภูมิระหว่าง 4 ถึง 60 °C และจุลินทรีย์ในอาหารเติบโตเร็วกว่ามากในช่วงอุณหภูมิระหว่าง 21 ถึง 47 °C นั่นคือที่มาของการทำความเย็น ตู้เย็นส่วนใหญ่ถูกตั้งค่าไว้ที่ 4°C หรือต่ำกว่าเพื่อยับยั้งและชะลอการเติบโตของแบคทีเรีย

เครื่องทำความเย็นมีบทบาทความสำคัญต่อความปลอดภัยของอาหาร และผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็นตามบ้านเรือนที่พักอาศัย หรือ ตู้เย็น ตู้แช่ และตู้โชว์สินค้า ในการให้ความเย็นเชิงพาณิชย์

การแสดงอุณหภูมิบนอุปกรณ์ทำความเย็นจะช่วยให้เราตรวจสอบอุณหภูมิที่เก็บผลิตภัณฑ์อาหารได้ ผลิตภัณฑ์บางชนิดเหมาะสำหรับการแช่แข็ง เช่น ผักและผลไม้สด เพราะอาจจะเสียคุณค่าทางโภชนา หรือส่งผลต่อคุณภาพ อุณหภูมิในการจัดเก็บที่เหมาะสมที่สุดจะแตกต่างกันไปตามผลิตภัณฑ์

ตัวอย่างเช่น ผัก/ผลไม้ : 1-8 °C
นม : 0-1 °C
โยเกิร์ตและชีส : 1-8 °C
เนย : 4-8 °C
เค้ก : 2-8 °C
ขนมปัง : 5-15 °C
แยมผลไม้ : 4-10 °C
เนื้อสัตว์ : -2-2 °C
เนื้อปลา : -2-4 °C
อาหารทะเล : -2-5 °C
ไวน์แดง : 10-16 °C
ไวน์ขาว : 5-8 °C
ไอศครีม : -25 ถึง -18°C
น้ำแข็ง : -5 °C

ด้วยอุณหภูมิต่อไปนี้ เราจะสามารถจัดเก็ยผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มได้เหมาะสมในอุณหภูมิของตู้เย็น หรือตู้แช่ได้อย่างถูกต้อง เพื่อคงคุณภาพและถนอมคุณค่าทางโภชนาการได้ยาวนานที่สุด เพื่อคนในครอบครัว รวมไปถึงลูกค้าในธุรกิจร้านอาหาร หรือร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์มาร์เก็ต

ข้อมูลในอินโฟกราฟิกประกอบบทความนี้จะสามารถช่วยให้เราจัดเก็บอาหารให้เหมาะสมกับอุณหภูมิของตู้เย็นได้ค่ะ

• วิธีการวัดอุณหภูมิตู้เย็น ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตู้เย็นจะอยู่ห่างจากอุณหภูมิที่คุณตั้งไว้ 2-3°C ยิ่งไปกว่านั้น ตู้เย็นบางรุ่นไม่มีฟังก์ชั่นแสดงอุณหภูมิ แต่สามารถปรับอุณหภูมิตู้เย็นได้ตั้งแต่เลข 1 ถึง 5 โดยที่เลข 5 เป็นตัวเลือกของอุณหภูมิที่สูง หรืออุ่นที่สุด

หากมาตรวัดอุณหภูมิในตัวของตู้เย็นไม่ถูกต้อง อาหารในตู้เย็นอาจเน่าเสียได้อย่างรวดเร็ว ทำให้แบคทีเรียอย่างซัลโมเนลลาและอีโคไล ส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้บริโภค

ตู้เย็นรุ่นใหม่มาพร้อมกับการควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ และตู้เย็นอัจฉริยะบางรุ่นยังสามารถตรวจสอบอุณหภูมิของตู้เย็นได้ผ่านแอพสมาร์ทโฟน หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ วิธีหนึ่งที่น่าเชื่อถือที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าตู้เย็นของคุณมีอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ การใช้เทอร์โมมิเตอร์

เพียงวางเทอร์โมมิเตอร์ลงในแก้วน้ำในตู้เย็น หรือช่องแข่งแข็ง แล้วทิ้งไว้อย่างน้อย 8 ชั่วโมง ก่อนจะตรวจสอบอุณหภูมิบนเทอร์โมมิเตอร์

เคล็ดลับ : หากมีการปรับอุณหภูมิใหม่ ควรใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมงเพื่อให้สภาพแวดล้อมปรับตัวเข้ากับการตั้งค่าใหม่ก่อน แล้วจึงวัดอีกครั้ง

• ปริมาณการเก็บของในตู้เย็นที่เหมาะสม การเก็บอาหารในชั้นวางตู้เย็น ยิ่งใส่ปริมาณเข้าไปมากเท่าไร ก็ยิ่งเก็บความเย็นได้ยากขึ้นเท่านั้น เปรียบเสมือนห้องที่มีประชากรอยู่มาก แต่เปิดแอร์อุณหภูมิเท่าเดิม

ในทางกลับกันตู้เย็นที่ว่างเปล่าจะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้กลไกการทำความเย็นหนักเกินไป และป้องกันอุณหภูมิตู้เย็นที่เย็นเกินไป ควรเก็บน้ำ 2-3 ขวดใหญ่ไว้ในตู้เย็นเพื่อเติมพื้นที่ หรือปรับอุณหภูมิให้อุ่นขึ้น ตามหลักการแล้ว ปริมาณการเก็บของในตู้เย็นที่เหมาะสม ตู้เย็นควรจะเก็บของในปริมาณ 3/4 เพื่อให้อากาศเย็นไหลเวียนได้โดยไม่ติดขัดแ

• สัญญาณเมื่อตู้เย็นอุณหภูมิสูง หรืออุ่นเกินไป

• อาหารเสียก่อนวันหมดอายุ
• ตู้เย็นรุ่นใหม่จะมีเสียงเตือนเมื่อ อุณหภูมิสูงกว่า 4c หรือลดลงต่ำกว่า 0c
• ตู้เย็นรุ่นเก่า จะมีการควบแน่นที่ผนังด้านใน เนื่องจากอากาศในตู้เย็นเปลี่ยนจากก๊าซเป็นของเหลว ซึ่งอาจปนเปื้อนอาหารที่บรรจุชั้นล่าง
• ฤดูร้อนที่อุณหภูมิภายนอกร้อนจัด อาจส่งผลต่ออุณหภูมิตู้เย็นของคุณ แม้ในขณะที่ประตูตู้เย็นปิดอยู่ เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของบ้าน

คำแนะนำหากตู้เย็นมีอุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไป : ให้ปรับอุณหภูมิแต่ไม่เกินหนึ่งองศาในช่วง 0-4 องศาเซลเซียสทางใดทางหนึ่ง

• วิธีทำให้ตู้เย็นของคุณเย็นอยู่เสมอ หากคุณพบว่าอุณหภูมิตู้เย็นของคุณสูงเกินไป ทั้งที่ปรับการตั้งค่าอุณหภูมิแล้ว สามารถทำตามขั้นตอน 2-3 ขั้นตอนต่อไปนี้ เพื่อได้รับอุณหภูมิที่ต้องการค่ะ

• ปล่อยให้อาหารเย็นก่อนจัดเก็บ : อาหารปรุงเสร็จใหม่ๆ สามารถทำให้ตู้เย็นหรือช่องแช่แข็งของคุณอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้อาหารเสี่ยงต่อการเติบโตของแบคทีเรีย ควรปล่อยให้อาหารเย็นลงเล็กน้อย ก่อนปิดฝาและจัดเก็บ

• ตรวจสอบซีลประตู : ปะเก็นรอบขอบประตูตู้เย็นจะช่วยเก็บอุณหภูมิความเย็นไม่ให้ไหลออก หากปะเก็นมีรอยรั่ว อาจจะทำให้ตู้เย็นมีอุณหภูมิสูงขึ้น หรือคอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น

• อย่าเปิดประตูตู้เย็นมากเกินไป : ในระหว่างทำอาหาร ควรนำวัตถุดิบออกมาเพียงครั้งเดียว รวมถึงการจัดเก็บสต็อคอาหาร เพราะทุกครั้งที่เปิดประตู อากาศอุ่นภายนอกจะเข้ามาในตู้เย็น ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นได้

• ตรวจสอบการรั่วไหลของสารทำความเย็น : สารทำความเย็น หรือน้ำยาทำความเย็นของตู้เย็นรั่ว เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ตู้เย็นของคุณอุณหภูมิสูงขึ้น

• ตู้เย็นของคุณต้องเปลี่ยนใหม่หรือไม่ ? : ตู้เย็นทั่วไปตามครัวเรือนมีอายุเฉลี่ยถึง 9-13 ปี สัญญาณต่อไปนี้ที่แสดงว่าตู้เย็นของคุณกำลังจะหมดอายุการใช้งานและอาจจำเป็นต้องเปลี่ยน

• อาหารหมดอายุก่อนวันจริง
• ค่าไฟพุ่งสูงขึ้นกระทันหัน
• เกิดการควบแน่นที่ด้านในหรือด้านนอกของตู้เย็น
• ไฟติดแต่เสียงการทำงานของคอมเพรสเซอร์หยุดลง
• มีเสียงแปลกๆ อย่างเสียงการกระทบกัน เนื่องจากอะไหล่ของตู้เย็นมีปัญหา หรือหลุด

การเลือกซื้อตู้เย็นใหม่ สิ่งสำคัญคือต้องดูภาพรวมของยี่ห้อและรุ่นทั้งหมด ขนาดที่เหมาะกับห้องครัวและความต้องการของคุณ รวมทั้งเปรียบเทียบราคาจากร้านค้าต่างๆ เพื่อให้ได้ตู้เย็นใหม่ในราคาที่เหมาะสมกับงบประมาณของคุณ

• การทำความสะอาดและบำรุงรักษาตู้เย็น : นอกจากให้ความสำคัญเรื่องอุณหภูมิของตู้เย็น เราควรรักษาตู้เย็นให้อยู่ในอุณหภูมิที่แนะนำและปฏิบัติตามแนวทางการบำรุงรักษาตู้เย็นที่ดี จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและอายุขัยของตู้เย็น และตู้แช่แข็งของคุณได้ เช่น

• การปัดฝุ่นคอยล์คอนเดนเซอร์
• รักษาซีลประตูให้สะอาดปราศจากสิ่งสกปรก
• ทำความสะอาดภายในตู้เย็นเพื่อไม่ให้พัดลมอุดตัน
• การละลายน้ำแข็งในช่องแช่แข็งเพื่อขจัดน้ำแข็งที่สะสมอยู่ออก ในตู้เย็นรุ่นเก่า

การเติบโตของตู้เย็นที่ใช้ในครัวเรือน และเชิงพาณิชย์ เป็นไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่ต้องการกักตุนอาหารและเครื่องดื่มในปริมาณเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการขยายตัวของธุรกิจการขายอาหารออนไลน์ และ delivery ซึ่งนำไปถึงความต้องการตู้แช่ และตู้เย็นในรูปแบบต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

สำหรับตู้เย็น ตู้แช่ในเชิงพาณิชย์ รวมไปถึงตู้แช่เยือกแข็งแบบฉับพลัน หรือห้องเย็น ตามครัวกลาง โรงแรม และร้านอาหาร ภัตรคารขนาดใหญ่ ฯลฯ มีการดูแลรักษา และการจัดเก็บวัตถุดิบที่ซับซ้อนกว่านั้น ทั้งในด้านเทคโนโลยี และสามารถรองรับสารทำความเย็นตัวใหม่ๆ ได้มากขึ้น เพราะสิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความเย็นให้กับเครื่องทำความเย็นของคุณก็คือ สารทำความเย็น

บทความที่เกี่ยวข้อง : • สารทำความเย็นกับการเติบโตของธุรกิจ Food Retail
• สารทำความเย็นในตู้เย็นและตู้แช่ในเชิงพาณิชย์
• DAIKIN R-407H กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในระบบทำความเย็นตู้แช่ Supermarket

ไม่ว่าคุณจะประกอบธุรกิจใดก็ตาม Colder Solution พร้อมส่งต่อสารตั้งต้นความเย็น และ Solution ที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ทำความเย็น สารทำความเย็น ที่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานของคุณ

Colder Solution ผู้นำด้านการนำเข้าสารทำความเย็นคุณภาพทุกยี่ห้อ Orafon,Honeywell,Klea,Dupont,Daikin ฯลฯ คอมเพรสเซอร์ รวมถึงอะไหล่ Danfoss และอื่นๆ อาทิเช่นน้ำมันหล่อลื่นเกรดคุณภาพ

หากต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับระบบทำความเย็น รวมถึงเลือกสารทำความเย็นให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ เพื่อคุณภาพสูงสุด ปรึกษาเราได้ที่
Line Official Account : @Colder
✉ Email : kantawan.coldersolution@gmail.com