แผยแพร่เมื่อ 23 ตุลาคม 2564
เทคนิคในการเลือกสารทำความเย็นให้เหมาะสมกับการใช้งาน
วิธีเลือกสารทำความเย็นเบื้องต้น มีปัจจัยที่ต้องพิจารณาอยู่มาก ทั้งเรื่องเทคนิค และต้นทุนการผลิต รวมถึงผลกระทบที่จะตามมาต่อสิ่งแวดล้อม
ในปัจจุบันอุตสาหกรรมทำความเย็นที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ไปพร้อมกับความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ปรากฏอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสารทำความเย็นที่เป็นจุดเริ่มต้นในการทำความเย็นสู่สินค้าของคุณ
วันนี้ Colder Solution มี 4 ข้อหลักในการเลือกซื้อสารทำความเย็น หรือวิธีเลือกน้ำยาแอร์มาฝากกันค่ะ
1. เลือกสารทำความเย็นจากผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม น้ำยาแอร์ และสารทำความเย็นรุ่นใหม่ ถูกออกแบบมาให้สอดคล้องกับผลกระทบต่อภาวะโลกร้อนที่เพิ่มมากขึ้น มีสารทำความเย็นรุ่นใหม่ หลายชนิดที่มีค่าการทำลายโอโซนต่ำ และประสิทธิภาพการทำงานสูง เช่นสารทำความเย็นหรือน้ำยาแอร์ Orafon R32 ที่พัฒนามาจาก R22 และ R410a
และยังมีอีกหลากหลายทางเลือก ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคสามารถเปลี่ยน หรือเลือกซื้อสารทำความเย็นและน้ำยาแอร์ที่มีศักยภาพดีและมีค่า ODP และ GWP ต่ำ
2. เลือกสารทำความเย็นจากอุณหภูมิที่ต้องการ เงื่อนไขการทำความเย็นตามอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งการเลือกอุณหภูมิและแรงดัน รวมถึงการระบายความร้อน มีผลต่อสินค้า และผลผลิตของผู้ประกอบการ แต่ละภาคส่วนการผลิตใช้อุณหภูมิต่างกันออกไปตามประเภทของห้องเย็น
การเลือกสารทำความเย็นตามอุณหภูมิแบ่งได้ตามประเภทสารทำความเย็นดังนี้ค่ะ
• สารทำความเย็นสำหรับระบบ High Temperature หรืออุณหภูมิสูง ที่สามารถใช้ได้กับตู้เย็น เครื่องปรับอากาศรถยนต์ Chiller เป็นต้น ได้แก่ สารทำความเย็น Orafon R134a และ Orafon R600a
• สารทำความเย็นสำหรับระบบ Medium Temperature หรืออุณหภูมิปานกลาง สามารถใช้ได้กับเครื่องปรับอากาศในที่อยู่อาศัยห้องเย็น (Cold Room) ที่ให้อุณหภูมิประมาณ -15 ถึง -20 องศาเซลเซียส รวมถึงรถที่ใช้ในการขนส่งสินค้าแบบรักษาอุณหภูมิ ห้อง Cleanroom และห้องที่ต้องการควบคุมความดันและอุณหภูมิ ได้แก่ สารทำความเย็น Orafon R22, Orafon R407c, Orafon R290a, Orafon R410a และ Orafon R32
• สารทำความเย็นสำหรับระบบ Low Temperature หรืออุณหภูมิต่ำ สามารถใช้ได้กับ ตู้แช่แข็งอาหารตามห้างสรรพสินค้า ห้องเย็นหรือ Cold room ที่มีอุณหภูมิต่ำ -40 องศาเซลเซียส ห้องเก็บสินค้าในระบบปลอดเชื้อ หรือต้องการลดสารต่างๆ ,ตู้ไอศครีม ได้แก่ Orafon R404a, Orafon R507 เป็นต้น
• สารทำความเย็นสำหรับระบบ Very Low Temperature (VLT) หรืออุณหภูมิต่ำพิเศษ สามารถใช้ได้กับ ตู้แช่แข็งอุณหภูมิต่ำพิเศษ (ULT) ตู้เก็บวัคซีน หรือห้องเย็น และเครื่องทำความเย็น ที่มีคอมเพรสเซอร์ตั้งแต่สองตัวขึ้นไป (Multistage/Cascade Refrigeration System) สามารถทำอุณหภูมิติดลบได้ถึง -86 องศาเซลเซียสหรือมากกว่า สารทำความเย็นที่ใช้กับอุณหภูมิต่ำเพิเศษได้แก่ Orafon R23, Orafon R508b, Orafon R170 เป็นต้น
• สารทำความเย็นกลุ่ม Solvent base หรือกลุ่มสารเคมีสำหรับทำความสะอาดภายในระบบเครื่องปรับอากาศ, Chiller รวมถึงเป็นสารตั้งต้นหรือสารผสมที่ใช้ในงานผลิตต่างๆ เช่นงานโฟม, ผนังห้องเย็น, และสารทำละลายที่อุณหภูมิห้อง (ambient temperature) ได้เแก่ Orafon R-141b, DuPont R123,R601a เป็นต้น
3. เลือกสารทำความเย็นจากคุณสมบัติทางกายภาพของสารทำความเย็น ค่าอุณหพลศาสตร์ คุณสมบัติทางกายภาพ และคุณสมบัติทางเคมีของสารทำความเย็น ตามมาตรฐาน ASHRAE จะแบ่งสารทำความเย็นตามระดับการติดไฟและสารพิษ
4. เลือกสารทำความเย็นตามชนิดของคอมเพรสเซอร์ หลักการทำงานของคอมเพรสเซอร์ (Compressor) แตกต่างกันออกไป มี Compressor รุ่นใหม่ๆ ที่พัฒนามาให้เหมาะกับสารทำความเย็นรุ่นใหม่มากขึ้น คอมเพรสเซอร์มีความสัมพันธ์กับสารทำความเย็นอย่างมาก หากต้องการเปลี่ยนสารทำความเย็นที่ใช้ อาจจะต้องถึงกับเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ใหม่ยกชุดเลยทีเดียวค่ะ
นอกจาก 4 หลักการพิจารณาเลือกซื้อสารทำความเย็นที่กล่าวมา ลูกค้าควรเลือกสารทำความเย็นที่ได้มาตรฐานตาม ASHRAE คุณสมบัติอื่นๆ ของสารทำความเย็นควรถ่ายเทความร้อนที่ดี และความเข้ากันได้ดีกับระบบทำความเย็นในอุตสาหกรรมของคุณ
บริษัท โคลเดอ โซลูชั่น จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องสารทำความเย็น และเป็นตัวแทนจำหน่าย น้ำยาแอร์ สารทำความเย็น ราคาโรงงาน สำหรับเครื่องปรับอากาศรถยนต์, เครื่องปรับอากาศอาคาร, ตู้แช่, เครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ เช่น น้ำยาแอร์ 404a, R134a, R22, R407c ฯลฯ ในราคาโรงงาน รวมถึงอุปกรณ์เครื่องทำความเย็นอื่นๆ แบบครบวงจร
หากต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับระบบทำความเย็น รวมถึงเลือกสารทำความเย็นให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ เพื่อคุณภาพสูงสุด ปรึกษาเราได้ที่ Line id : @Colder
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อนำเสนอเนื้อหาและโฆษณา
คลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม ‘นโยบายคุกกี้’
Website Policy | Privacy Policy | Copyright 2021