แผยแพร่เมื่อ 13 สิงหาคม 2564
ตั้งแต่สมัยโบราณนานมา เรามีการเริ่มใช้น้ำแข็งตามธรรมชาติ (หิมะ)
เพื่อทำความเย็นและรักษาอาหาร โดยการเก็บไว้ในถ้ำหรือใต้พื้นดินที่ถูกขุด
แล้วห่อหุ้มด้วยหญ้าแห้งหรือฉนวนประเภทต่างๆ การทำความเย็นโดยธรรมชาติ
ได้เริ่มต้นตั้งแต่นั้นมา
จนถึงในปัจจุบัน ความสำคัญของระบบทำความเย็นและปรับอากาศ
สามารถเห็นได้ทั่วไปในการใช้ชีวิตประจำวันของเรา
ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อาคารพาณิชย์ การขนส่งอาหาร
รวมไปถึงยานพาหนะ ดังนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่เราจะไม่นำระบบปรับอากาศ
รวมถึงระบบความความเย็นมาใช้งาน เพื่อคุณภาพและความสะดวกสบาย ที่เพิ่มมากขึ้น
ในระบบอุตสาหกรรมและธุรกิจ ที่อาศัยระบบทำความเย็นมาใช้
มีวัตถุประสงค์เดียวกันคือ ลดอุณหภูมิและรักษาระดับอุณหภูมิให้เป็นไปตามที่กำหนด
เพื่อสินค้า หรือบริการที่ดีที่มีคุณภาพ ก่อนจะส่งต่อให้ผู้บริโภคและ
ยังช่วยรักษาต้นทุนการผลิต โดยการใช้ความเย็นยับยั้ง
การเติบโตของแบคทีเรียเพื่อยืดระยะเวลาในการเก็บรักษาได้นานยิ่งขึ้น
อุตสาหกรรมที่ใช้ระบบทำความเย็นได้แก่
1. อุตสาหกรรมอาหาร (Food processing & Storage)
ไม่ว่าจะเป็นการผลิตอาหาร หรือเก็บรักษาอาหาร
ล้วนแล้วต้องใช้ระบบทำความเย็นทั้งนั้น
เริ่มตั้งแต่กระบวนการทำพาสเจอร์ไรส์ (Pastrurisation)
การผลิตที่ต้องให้ความร้อนและทำให้เย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว
เช่นเครื่องทำไอศครีม เป็นการทําอาหารแช่แข็ง แบบอาศัยสารแช่แข็งและการพาความเย็น
หรืออุตสาหกรรมทำน้ำแข็ง ก็ยังแบ่งเป็นการทำเพื่อการบริโภค และอุตสาหกรรมอาหารและประมง
รวมไปถึงกระบวนการหมัก การบ่ม ที่ต้องทำในอุณหภูมิ 5-15 องศาเซลเซียส
การเก็บรักษาอาหารในการแช่ห้องเย็น เพื่อรักษาอายุอาหารให้นานขึ้น
โดยการแช่ในห้องเย็นที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง
2. อุตสาหกรรมที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิเป็นพิเศษ
เช่น ฟิลม์ ดอกไม้ และโรงงานยา ที่นอกจากจะต้องใช้เรื่องการควบคุมอุณหภูมิแล้ว
ยังต้องใช้ระบบปรับอากาศ (HVAC) เพื่อควบคุมสิ่งปนเปื้อนและความดันอีกด้วยค่ะ
3. อุตสาหกรรมเคมี งานผลิตสารตั้งต้น (Industrial Process)
เช่นการใช้สารทำความเย็น ในอุตสาหกรรมเคมี ปิโตรเคมี โรงกลั่นน้ำมัน
โรงแยกก๊าซ เช่นการใช้สารทำความเย็นมาเปลี่ยนระบบปรับอากาศ
ให้เป็นระบบทำความเย็นแบบดูดซึม ในอุตสาหกรรมปิโตเคมี เป็นต้น
4. ระบบทำความเย็นเพื่อนการขนส่ง (Transportation refrigeration)
เช่นในห้องเย็นที่ใช้ขนส่งผลิตภัณฑ์ และวัตถุดิบในระยะทางไกลๆ
ไม่ว่าจะเป็นเรือเดินทะเล หรือรถที่ขนส่งสินค้า จากโรงงานผลิต
ไปยังปลายทางที่อยู่ห่างไกล เพื่อรักษาคุณภาพและยืดระยะ
เวลาการเก็บรักษาระหว่างการขนส่ง เช่นเดียวกับการกักเก็บอาหาร
5. การปรับอากาศ (Air condition)
เรียกได้ว่าเป็นการทำความเย็นที่เราเห็นชัดเจนที่สุด
โดยระบบทำความเย็นจะทำงานร่วมกับระบบปรับอากาศ
ทำการกรองอากาศ รักษาความชื้น รวมถึงการระบายและหมุนเวียนอากาศ
เรียกว่า HVAC&R เพื่อความสะดวกสบายของมนุษย์มากขึ้น
โดยเฉพาะในเชิงพาณิชย์ ห้างสรรพสินค้าหรือร้านอาหารทั่วไป
ตู้แช่เย็นในซุปเปอร์มาเก็ต ก็เชื่อมโยงกับการรักษาอาหาร
รวมถึงรักษาความอร่อยด้วยเครื่องดื่มเย็นๆ ให้เราได้เหมือนกันค่ะ
สารทำความเย็น (Refrigerant)
จึงเป็นตัวกลางสำคัญในการทำความเย็น
โดยการเปลี่ยนสถานะด้วยการใช้ความร้อนแฝง
เพื่อให้สารทำความเย็น เปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นไอ
ส่งผลให้บริเวณนั้นมีอุณหภูมิลดลง
ในการลดอุณหภูมิหรือการทำความเย็นสามารถทำได้หลายวิธี
ขึ้นอยู่กับสารทำความเย็น ที่ใช้ในระบบอุตสาหกรรม ที่มีอยู่หลายประเภท
เช่นแบบฟรีออน (R12, R22, R502) และ แอมโมเนีย (Ammonia: R717)
สารแอมโมเนียมีการใช้มากที่สุดเพราะราคาถูก และได้คุณภาพความเย็นต่อน้ำหนักมาก
เมื่อเทียบกับการสารทำความเย็นชนิดอื่นๆ เพราะมีจุดเดือดต่ำ
ประมาณ -2.2 องศาเซลเซียสที่ความดันบรรยากาศ
แต่ก็มีข้อเสียคือเป็นสารพิษ ผู้ติดตั้งจำเป็นต้องมีความชํานาญเป็นพิเศษ
เพื่อความปลอดภัย จึงเหมาะนำไปใช้กับห้องหรืออุปกรณ์ทำความเย็นขนาดใหญ่
โดยกรรมวิธีต่อไปในการทําความเย็นและระบบส่งสารทําความเย็น
ให้แก่คอล์ยเย็น หรือ Evaporator เพื่อกำหนดรูปแบบเครื่องระเหย
นอกจากทำความเย็นยังมีระบบการละลายน้ำแข็ง (Defrost)
ในอุตสาหกรรมซึ่งทำได้อีกหลากหลายรูปแบบ
ยิ่ง "ความเย็น" สัมพันธ์กับชีวิตคนมากเท่าไหร่
เรายิ่งต้องทำความเข้าใจ และคำนึงถึงความปลอดภัยให้มากเท่านั้น
เรื่องเครื่องทำความเย็นในอุตสาหกรรม และการใช้งานทั่วไป
ยังมีน่าสนใจอีกหลายเรื่อง ติดตามทุกเรื่องเครื่องเย็น และสารทำความเย็นไปกับน้อง Colder
ผู้เชี่ยวชาญและตัวแทนจำหน่าย น้ำยาแอร์และสารทำความเย็น
รวมถึงอุปกรณ์เครื่องทำความเย็นอื่นๆ
▶ Websit
▶ Line Officail : @Colder
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อนำเสนอเนื้อหาและโฆษณา
คลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม ‘นโยบายคุกกี้’
Website Policy | Privacy Policy | Copyright 2021