แผยแพร่เมื่อ 25 สิงหาคม 2564
อุตสาหกรรมการทำความเย็น มีความสำคัญมาก แต่ก็สร้างมลพิษกับโลกได้อย่างเหลือเชื่อเช่นกันค่ะ โดยคิดเป็นประมาณ 10% ของการปล่อย CO2 ทั่วโลก นั่นคือสามเท่าของจำนวนที่ผลิตโดยอุตสาหกรรมการบินและการขนส่งรวมกัน
ในสเกลอุตสาหกรรมจนถึงบ้านเรือน สารทำความเย็นมีบทบาทสำคัญในระบบปรับอากาศและทำความเย็น ที่ช่วยให้มีความสะดวกสบาย ในขณะที่อุณหภูมิทั่วโลกยังคงสูงขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ความต้องการในการระบายความร้อนก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ในอดีต นักเคมีได้คิดค้นหาสารทำความเย็นที่ระเหยได้เร็ว มีค่าความร้อนแฝงสูง เพื่อจะได้ความเย็นในเวลาที่รวดเร็ว จนพบว่าสารที่ ประกอบด้วย คาร์บอน, ฟลูออรีน, คลอรีน และไฮโดรเจน มีคุณสมบัตินั้น จึงได้มีการสังเคราะห์สารทำความเย็น (Refrigerant) ออกมา หรือที่เราเรียกกันว่าน้ำยาแอร์
สารทำความเย็น หรือน้ำยาแอร์ มีชื่อเรียกต่างๆกัน ตามองค์ประกอบที่ต่างกัน เช่น R11, R12, R22, R502 โดย R11, R12 มีใช้อยู่ในเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ รวมถึงรถยนต์,R-22 ใช้ในเครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก และ R-502 ที่ใช้ในเครื่องเย็น
เวลาต่อมามีการพบว่าสารเหล่านี้ ก่อให้เกิดปัญหากับโอโซนในชั้นบรรยากาศ ซึ่งห่อหุ้มโลกนี้ให้พ้นจากรังสีอุลตราไวโอเลต หรือ “Greenhouse” ที่เป็นชั้นก๊าซที่ทำหน้าที่กักเก็บความร้อนจากแสงอาทิตย์ ที่สะท้อนผิวโลกขึ้นมา ทำให้ดาวเคราะห์ที่เรียกว่า "โลก" มีสิ่งที่มีชีวิตอาศัยอยู่ได้อย่างเป็นสุข
เมื่อมนุษย์ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกที่มากจนเกินไป ทำให้แสงอาทิตย์ที่เข้ามายังโลกสะท้อนกลับ ออกไปสู่นอกโลกได้น้อยลง หรือ Green house Effect ก๊าซเรือนกระจกไม่ได้เกิดขึ้นจากธรรมชาติ ที่สามารถสลายตัวเองได้ จึงทำให้เกิดการกักเก็บความร้อนที่มากจนเกินไป จนเป็นที่มาของอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จึงได้มีข้อตกลงระหว่างประเทศ ที่เรียกว่า Montreal Protocal เพื่อจำกัดปริมาณการใช้สารทำความเย็นเหล่านี้ โดยเฉพาะสารที่มีองค์ประกอบของคลอรีน(Cl),ฟลูออรีน(F)และคาร์บอน (C) หรือที่เรียกกันว่า CFC เนื่องจากน้ำยาแอร์ ตัวนี้สามารถตกค้างอยู่ในชั้นบรรยากาศได้ยาวนาน ในขณะเดียวกันก็จะทำลายโอโซนไปได้เรื่อยๆ
รวมถึงปัญหา climate change หรือการเกิดการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศนั้น ตอนนี้โดยรวมโลกของเรานั้นร้อนขึ้นประมาณ 1 องศาเซลเซียสจาก ช่วงปี 1850 - 1900 (เทียบกับช่วงยุคก่อนอุตสาหกรรม) เมื่อก่อนปรากฏการณ์นี้ถูกเรียกว่าปรากฏการณ์โลกร้อน (Global Warming) แต่ในเวลานี้นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เปลี่ยนมาใช้คำว่า Climate Change แทน เพราะไม่ใช่แค่เพียงแค่อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่รวมไปถึงผลกระทบของสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นจากการไต่ระดับของอุณหภูมิครั้งนี้ ที่ทำให้ฤดูต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไป รวมไปถึงระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น การละลายของน้ำแข็งใน Greenland, Antarctica, the Arctic และภูเขาน้ำแข็งทั่วโลก และอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
นอกจากภัยธรรมชาติ สาเหตุหนึ่งในบรรดาหลาย ๆ สาเหตุที่ทำให้เกิดปรากฏการนี้คือ “มนุษย์” โดยเฉพาะการใช้พลังงานที่มากขึ้นเนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น
อย่างที่ทราบกันดีทุกประเทศ เกือบทุกครัวเรื่อนมีการใช้เครื่องปรับอากาศ เมื่อ "คนยิ่งเย็น โลกยิ่งร้อน" สารทำความเย็นในเครื่องปรับอากาศ หรือที่คนไทยเรียกว่า "น้ำยาแอร์" ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ตัวทำลายชั้นบรรยากาศโลก ซึ่งเป็นตัวกรองรังสีจากดวงอาทิตย์ ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น รวมถึงมอเตอร์ภายในเครื่องปรับอากาศเอง ทำให้อุณหภูมิในพื้นที่ที่มีการใช้เครื่องปรับอากาศอย่างหนาแน่น พุ่งสูงได้อย่างน้อย 1 องศาเซลเซียส
การเริ่มตระหนักรู้ถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น และมองเห็นความต้องการใช้สารทำความเย็นที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา เหล่านักวิจัยจึงมีการคิดค้นน้ำยาแอร์รุ่นใหม่เพื่อให้ปริมาณ ก๊าซเรือนกระจกให้น้อยลง ชะลอการเกิดภาวะโลกร้อน
เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นไปได้อย่างสอดคล้อง ฝั่งของอุตสาหกรรมเครื่องเย็นจึงมีการผลิตอุปกรณ์ใหม่ๆ เพื่อรองรับกับ น้ำยาแอร์ตัวใหม่ด้วย เช่น เครื่องปรับอากาศระบบ invertor นอกจากจะช่วยวิกฤตของโลกแล้ว ยังช่วยให้ผู้ใช้งานประหยัดไฟเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ
สมัยก่อนน้ำยาแอร์ ราคามีให้เลือก ไม่มากนัก ส่วนมากมักจะใช้ชนิด R22 หรือ ฟีออน ใช้มากในวงการแอร์รถยนต์ และแอร์บ้าน รวมถึงอุตสาหกรรมทำความเย็น
จนมาถึงในปี พ.ศ. 2523 นักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการ ได้ทำการวิจัยและค้นพบว่า น้ำยาแอร์ r22 ซึ่งเป็นสารประเภทเอชซีเอฟซี (HCFCs) จะมีสารในกลุ่มของคลอรีน (Chlorine) เมื่อมีการปล่อยน้ำยาตัวนี้ออกมา เช่น ตอนย้ายเครื่อง หรือมีการซ่อมแซมเครื่องปรับอากาศ น้ำยาจะลอยขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ และทำลายชั้นบรรยากาศ เป็นสาเหตุให้แสงอาทิตย์ก็จะส่องมายังผิวโลกได้โดยตรงและเร็วขึ้น ก่อให้เกิดอันตรายต่อโลก รวมถึงมนุษย์อีกด้วย
แม้ปัจจุบันจะยังมีการใช้สารทำความเย็น R-22 กับเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กอยู่ เพราะแรกเริ่มเดิมทีเครื่องปรับอากาศส่วนใหญ่ในประเทศไทยจะใช้ R22 เป็นสารทำความเย็นหลัก
แต่มีกฎหมายให้เลิกผลิตไปเมื่อปี พ.ศ.2560 และเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ๆ จะใช้สารทำความเย็น 2 ชนิด คือ R410A และ R32 และคาดว่าไม่เกิน ค.ศ. 2030 หรือเร็วกว่านั้น น้ำยาแอร์ R22 จะหมดไปจากโลก
น้ำยาแอร์ ที่ใช้กับเครื่องปรับอากาศ แอร์บ้าน ในปัจจุบันประเทศไทยจะใช้อยู่ 3 ชนิดหลักๆ คือ น้ำยาแอร์ R22 น้ำยาแอร์ R410A และน้ำยาแอร์ R32 (อ่านบทความน้ำยาแอร์บ้านทั้ง 3 ตัว)
ซึ่งน้ำยาแอร์แต่ละชนิดนั้นก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป แต่การเลือกใช้จะต้องคำนึงถึงค่า ODP (ค่าทำลายชั้นบรรยากาศ) และค่า GWP (ค่าทำให้เกิดภาวะโลกร้อน)
ปัจจุบันรัฐบาลรณรงค์ให้หันมาใช้ น้ำยาแอร์ R32 มากขึ้น และเลิกใช้น้ำยาแอร์ R22 ในอนาคต อีกทั้งน้ำยาแอร์ R32 ยังส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้อนน้อยกว่าน้ำยาแอร์ R410A ถึง 3 เท่า แถมยังมีประสิทธิภาพทำความเย็นมากกว่า R22 และR410A อีกด้วยค่ะ
ดังนั้นในระยะยาว ผู้บริโภคควรติดตั้งเครื่องปรับอากาศแอร์บ้านที่ใช้น้ำยาแอร์ R32 แม้ราคาของน้ำยาแอร์ R32 ตอนนี้อาจจะมีราคาต่อ กก. สูงกว่าน้ำยาแอร์ R410A ในเรทที่ไม่มากนัก แต่หากเราเริ่มมีการใช้น้ำยาแอร์ R32 มากขึ้นเรื่อยๆ ราคาของน้ำยาแอร์ R32 ก็จะลดลงตามมาได้ค่ะ
แล้วเราจะเลี่ยงวิกฤตได้ยังไง ? การเริ่มต้นจากตัวคุณตั้งแต่วันนี้ ทุกภาคส่วน ทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ รวมถึงภาครัฐในเรื่องของการรณรงค์ และผู้ที่อยากเริ่มต้นสายงาน HVAC&Refrigeration เมื่อเราใช้ประโยชน์จากความเย็นและระบบปรับอากาศมามากมาย แนวทางหนึ่งเพื่อลดทอนผลกระทบ คือ ความตระหนักรู้ที่มากขึ้น
ผู้บริโภคสามารถเปลี่ยน หรือเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศมีศักยภาพ และใช้น้ำยาแอร์ หรือสารทำความเย็นที่ ODP หรือ GWP ต่ำ เช่นน้ำยา R32
ผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการก็ต้องช่วยพยายามผลักดันเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ซัพพอร์ตสารทำความเย็นตัวใหม่ และอบรมบุคลากรให้มีความรู้เรื่อง Climate Change และสารทำความเย็นให้มากขึ้น เช่นลดการปล่อยน้ำยาแอร์ หรือสารทำความเย็นกลับสู่บรรยากาศโลก ด้วยการ Recover Reclaim Recharge สารทำความเย็นแทน และช่างแอร์ต้องพัฒนาความรู้เพื่อรับเทคโนโลยีสารทำความเย็นใหม่ๆ เพิ่มเติม เช่นความรู้เรื่องความดันในการเติมสารทำเย็น เนื่องจากชนิดสารทำความเย็นที่เปลี่ยนไป ความดันที่ใช้ในระบบทำความเย็นก็เปลี่ยนไปด้วย รวมถึงการเลือกใช้วัสดุที่ได้มาตรฐาน เพื่อลดการซ่อมจากปัญหาน้ำยาแอร์รั่วได้ค่ะ
"อยากให้โลกน่าอยู่กว่านี้ เป็นโลกที่เราฝันใฝ่ จะสวยอย่างไรเป็นไปได้ด้วยมือของเรา"
เริ่มต้นกันตั้งแต่วันนี้ ด้วยความพยายามของเรา เพื่ออนาคต เพื่อให้โลกและเราได้เย็นไปพร้อมๆ กันค่ะ
ถ้าหากคุณกำลังสนใจหรือต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับระบบทำความเย็น รวมถึงเลือกสารทำความเย็นให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ เพื่อคุณภาพสูงสุด ปรึกษาเราได้ที่ Line id : @Colder
ผู้เชี่ยวชาญและตัวแทนจำหน่าย น้ำยาแอร์และสารทำความเย็น รวมถึงอุปกรณ์เครื่องทำความเย็นอื่นๆ ▶ www.coldersolution.co.th
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อนำเสนอเนื้อหาและโฆษณา
คลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม ‘นโยบายคุกกี้’
Website Policy | Privacy Policy | Copyright 2021